อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์(อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
6 เมษายน 2563 ตามทีข่าวในเพจ
โครงการจัดตั้งสมาคมเพื่อการศึกษาและพัฒนา
(https://www.facebook.com/690997514672816/posts/905554426550456/?d=n)รายงานว่าทุกภาคส่วน(ไม่ว่าในประเทศเช่นสมาคมจันทร์เสี้ยว ส.ส. นักการเมืองในพื้นที่ ศอ.บต.ในมาเลเซียเช่นสถานฑูตไทย สมาคมต้มยำ)ต่อแรงงานไทยแต่ก็เตือนแรงงานไทยในมาเลเซียเช่นกันว่าอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพว่าสามารถนำกลับประเทศไทยได้
“
นายตูแวดานียา มือรีงิง ประธาน #คณะกรรมการเฉพาะกิจสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อร่วมช่วยเหลือคนไทยในประเทศมาเลเซีย (คฉ.จม.) ได้กล่าวว่า คณะกรรมการฯได้มีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวด้านสถานการณ์ในมาเลเซียวันต่อวัน และติดตามงานการรวบรวมรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากโควิค 19 เพื่อง่ายต่อการให้การช่วยเหลือโดยมีตัวแทนชมรมต้มยำในกรุงกัวลาลัมเปอรืเป็นกำลังหลักในเรื่องการสนับสนุนอาสาสมัคร
“ณ ตอนนี้เรามีชื่อผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบที่ทางคณะกรรมการฯได้ออกรณรงค์ตอนนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1200 คน และรายชื่อบางส่วนจำนวน 676 คนได้ส่งไปยังสถานทูตเพื่อการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆในเบื้อต้น และจะทยอยส่งการช่วยเหลือต่อไปให้ถึงมือผู้ได้รับผลกระทบภายในระยะเวลาอันใกล้ ตอนนี้เรามีผู้ที่อยู่หน้างานที่เป็นอาสาสมัครซึ่งเป็นสามชิกของชมรมต้มยำในแต่ละรัฐเช่น รัฐสลางอ ยะฮ์โฮบารู เคดาห์ และรัฐอื่นๆ ” ตูแวดานียา กล่าว
ตูแวดานียา ยังกล่าวอีกว่าเราพบปัญหาอุปสรรคมากมายในการช่วยเหลือคือเนื่องจากกลุ่มแรงงานเหล่านี้อยู่กระจัดจ่ายในแต่ละรัฐทั่วมาเลเซีย ปัญหาใหญ่คือข้อจำกัดในการเดินทางของอาสาสมัครที่จะไปมอบปัจจัยยังชีพ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ทางชมรมต้มยำที่เป็นคณะกรรมการเฉพาะกิจประสานงานกับตัวแทนในแต่ละรัฐโดยให้ทางสถานทูตออกหนังสือรับรองว่าเป็นอาสาสมัครของไทยในการช่วยเหลือคนไทยที่เดือดร้อน “
ด้านนายรุสมาดี สาและ ประธานชมรมต้มยำ กล่าวว่า “นอกจากเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์จำนวน 3000 ริงกิต ทางชมรมต้มยำเองได้ขอบริจาคจากสมาชิกชมรมฯเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดือดร้อนในแต่ละรัฐที่มีสมาชิกอยู่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นไปก่อน”
ต้องชื่นชมทุกภาคส่วนที่ร่วมด้วยช่วยกันในการช่วยเหลือแรงงานที่กำลังลำบากในขณะนี้ซึ่งสอดคล้องหลักคุณธรรมจริยธรรม
สำหรับศาสนาอิสลามนั้นได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำถึงเรื่องการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก โดยอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
سورة المائدة 2 (وَتَعَاوَنُواْ عَلَى الْبَرِّ وَالتَّقْوَى وَلاَ تَعَاوَنُواْ عَلَى الإِثْمِ وَالْعُدْوَانِ)
“และพวกเจ้าจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม และความยำเกรง
และจงอย่าช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นบาป และเป็นศัตรูกัน”
(อัล มาอิดะห์ 5: 2)
การให้ความช่วยเหลือนั้นถือเป็นมาตรฐานในการชี้วัดถึงผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺนั้น ขึ้นอยู่ที่ว่า เขาสร้างประโยชน์ ช่วยเหลือแก่ผู้อื่นมากเพียงใด
ดังหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ท่านได้กล่าวว่า
رواه الطبراني (أَحَبُّ النَّاسِ إلَى اللهِ أَنْفَعُهُمْ لِلنَّاسِ)
“มนุษย์ที่เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺมากที่สุดคือมนุษย์ที่สร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์มากที่สุด”
(บันทึกโดยอัฏฎ็อบรอนีย์)
ในขณะเดียวกันหากข่าวการหลอกลวงดังกล่าวมีจริง จะถูกกล่าวหาทันที่ว่ามลายูมุสลิมหลอกมลายูมุสลิมหรือภาษาบ้านๆเรียกว่า นายูตีปูนายู เพราะส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากปตานี/ชายแดนใต้ และอย่าลืมว่าอิสลามทรงห้ามดัง
อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า
«يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ لاَ تَأْكُلُواْ أَمْوَالَكُمْ بَيْنَكُمْ بِالْبَاطِلِ إِلاَّ أَن تَكُونَ تِجَارَةً عَن تَرَاضٍ مِّنكُمْ» (النساء : 29 )
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้าในระหว่างพวกเจ้าโดยมิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าที่เกิดจากความพอใจของทั้งสองฝ่าย…”
(อัล-นิสาอ์ 4: 29)
إِنَّ اللَّـهَ يَأْمُرُكُمْ أَن تُؤَدُّوا الْأَمَانَاتِ إِلَىٰ أَهْلِهَا
แท้จริงอัลลอฮฺทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืน “อมานะฮฺ” แก่เจ้าของของมัน (อันนิซาอ์ 4 : 58)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า
المُسْلِمُوْنَ عَلَى شُرُوْطِهِمْ
ชาวมุสลิมนั้นมีหน้าที่ปฏิบัติตามเงื่อนไข (หรือข้อตกลง) ของพวกเขาให้ครบถ้วน (บันทึกโดยมุสลิม)
#ผลประโยชน์มันไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา!
812 total views, 2 views today
More Stories
ด่วน ! INC ออกแถลงการณ์ ต่อรัฐบาล ยกเลิกใช้ พรก.ฉุกเฉิน จังหวัดชายแดนภาคใต้ หนุนพูดคุยโต๊ะเจรจาสันติภาพ (มีคลิปแถลง)
แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะผู้บริหารทางการศึกษาเอกชน,ผู้บริหารมูลนิธิตาดีกา แดนใต้ ร่วมหารือแก้ปัญหาพื้นที่เพื่อสันติสุข เน้นย้ำ ใกล้ถึงถึงเดือนศิลอด ขอทุกฝ่ายจับมือ “รอมฎอนสันติ” ไม่เกิดเหตุรุนแรง เดือนอันประเสริฐ
กลุ่มพลังมวลชน ผู้นำศาสนา นักเรียน นักศึกษา รวมกว่า 500 คน ”รวมพลังต่อต้านความรุนแรง” ทุกรูปแบบ หน้าแฟลตตำรวจนราธิวาสจุดเกิดเหตุบอมบ์