ทีม Betong news รายงาน..
(9ก.พ.63)ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.จ.ท.อนันต์ บุญสําราญ นายอำเภอเบตง เป็นประธานการประชุมมาตรการควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮั่น และการควบคุมการจำหน่ายหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือแก่ผู้ประกอบการ โดยมีนายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง นายภาคภูมิ เลิศวัฒนารักษ์ ด่านศุลกากรเบตง น.ส.ธัญณภัส ชาระ ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศเบตงและสาธารณสุขอำเภอเบตง และเจ้าหน้าที่ที่เกียวข้อง เข้าร่วมประชุมกับผุ้ประกอบการร้านขายยา ผุ้ประกอบการร้านนวด กว่า 40 ร้าน เข้าร่วม
พ.จ.ท.อนันต์ บุญสําราญ นายอำเภอเบตง กล่าวถึงสถานการณ์และการเตรียมการรองรับหากเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 จังหวัดยะลา ว่า ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้จัดทำแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโรคปอดอักเสบ จากเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 มีการประเมินความเสี่ยง การระบาดเริ่มตั้งแต่ 8 ธันวาคม 2562 กลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจะเป็นผู้ที่อาศัย หรือเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และเป็นผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยอักเสบ โดยพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดยะลา ต่อการพบโรคปอดอักเสบ จากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 มากที่สุด 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเบตง เนื่องจากมีด่านระหว่างประเทศ จะมีชาวจีน ชาวมาเลเซีย และชาวไทยเชื้อสายจีนเดินทางเข้า-ออก ระหว่างประเทศ อำเภอเมืองยะลา เนื่องจากมีชาวไทยเชื้อสายจีน อาศัยอยู่และอาจมีญาติพี่น้องเดินทางมาเยี่ยมจากประเทศจีน นอกจากนี้ ได้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การจัดการภาวะฉุกเฉิน ปฏิบัติงานตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เฝ้าระวังในสถานพยาบาล ชุมชน (เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน) เตรียมพร้อมระบบการดูแลรักษา ส่งต่อและตรวจวินิจฉัยผู้ป่วย ติดตามอาการของผู้สัมผัสผู้ป่วยทุกราย จัดระบบชุดเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยงานในสังกัด
นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเบตง ได้ให้ความสำคัญคือต้องการกระตุ้นภาคสังคมและชุมชนมีความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากการได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา โดยได้จัดกิจกรรม “Big cleaning Week” ทำความสะอาดสถานที่สำคัญพร้อมกันทั่วประเทศภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อตัดวงจรแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สถานที่ราชการ,สถานที่ขนส่งมวลชน ที่มีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และร้านอาหาร สถานประกอบการ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น สำหรับร้านอาหารที่เน้นให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความกังวลอย่างมากนั้น ขั้นตอนการดูแลในส่วนผู้ประกอบการคืออยากให้ทำความสะอาดทุกครั้ง เช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือควรใช้เป็นแอลกอฮอล์ 70% ในบริเวณที่มีจุดสัมผัสร่วมกัน และผู้ประกอบการอื่น เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักต่างๆ ในส่วนประตูทางเข้าก็ควรจัดมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับลูกค้าด้วย พร้อมแนะให้ประชาชน รณรงค์ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” สวมหน้ากากอนามัย และทำความสะอาดบ้านเรือน สถานที่ทำงาน สถานที่สาธารณะ เครื่องมือเครื่องใช้ จุดที่ประชาชนสัมผัสร่วมกันเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา
สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวอีกว่า แม้ว่าวันนี้จะมีกระแสความกังวลเกี่ยวกับจำนวนหน้ากากอนามัยที่กลายเป็นสินค้าหายาก ซึ่งขอยืนยันว่ามีการผลิตจำนวนเพียงพอกับประชาชน แต่การกระจายไปถึงมือประชาชนอาจยังไม่ทั่วถึง พร้อมได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ในพื้นที่ ให้จำกัดการซื้อหน้ากากอนามัยไม่เกินคนละ 10 ชิ้น อาจจะขายให้ได้ไม่เกิน 4 หรือ 5 ชิ้น แล้วแต่สต็อกของผู้ค้าแต่ละราย เพื่อให้ประชาชนซื้อได้ทั่วถึง ส่งออก ส่วนการส่งออกเกิน 500 ชิ้นต้องขออนุญาตตามประกาศ ล่าสุดกรมการค้าภายใน ได้ขอความร่วมมือกรมศุลกากร หากไม่มีหนังสืออนุญาตจากกรมฯ ห้ามให้ส่งออกโดยเด็ดขาด และหากพบว่ามีการกักตุนสินค้าและฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่ผู้บริโภค พบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรม หรือพบเห็นผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วน 1569
น.ส.ธัญณภัส ชาระ ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศเบตงและสาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่า สำหรับด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย คนจีน และคนเชื้อชาติอื่น ๆ เดินทางเข้าออกร่วม 81,574 คน โดยมีคนจีนเดินทางเข้าออกรวม 247 คน ซึ่งด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตงไปรวมกับโรงพยาบาลเบตง สาธารณสุขอำเภอเบตง และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง ได้มีการประชุมและตั้งจุดคัดกรองผู้ต้องสงสัย หรือผู้ป่วยอย่างเข้มงวด โดยใช้เครื่องแฮนเฮลเทอร์โมมิเตอร์ ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไม่มียกเว้น พร้อมแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาทุกคน ซึ่งหากตรวจพบผู้ที่มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ก็จะนำมาซักถามประวัติและประเมิน หากมีความเสี่ยงก็จะส่งตัวไปดำเนินการต่อที่โรงพยาบาลอำเภอเบตง
////////////////////////////////////////
944 total views, 2 views today
More Stories
เลขาฯ รมต.ยุติธรรม ชี้ มหกรรมแก้หนี้ ปลดหนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม แก้ปัญหาหนี้สิน 242 ล้าน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการ วิทยาลัยการอาชีพเบตง
เทศบาลเมืองปัตตานีจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อยอดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี