เกษตรกรทำสวนยางพาราในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ประสบปัญหาการทำสวนยางพาราไม่ได้ผลดีหันไปเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพู เป็นที่ต้องการในตลาดในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ จีน มีราคา กก. 3,000 บาท
(3ก.พ.61)ที่ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง การเลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์ ของนายสันติชัย จงเกียรติขจร อายุ 63 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 138 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เกษตรกรชาวสวนยาง ที่หันมาเลี้ยง “ปลาพลวงชมพู” หลังได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา นำมาขยายพันธุ์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ในหมู่บ้านปลา ของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ตามแผนงานการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล
นายสันติชัย จงเกียรติขจร กล่าวว่า หลังประสบปัญหาการทำสวนยางพาราไม่ได้ผลดี ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา ได้ให้การสนับสนุนพันธุ์ปลาน้ำจืด จึงหันมาเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพู เนื่องจากมีราคาสูง เพราะเป็นปลาที่มีรสชาติดี เนื้อมีลักษณะนุ่มขาวเหมือนสำลี เกล็ดมีสารคอลาเจนสูง จึงนิยมกินทั้งเกล็ด เมนูส่วนใหญ่คือนำไปทอดกรอบหรือนึ่งซีอิ๊ว โดยปลากือเลาะห์ถูกจัดอันดับให้เป็นปลาน้ำจืดที่มีรสชาติดีที่สุดในประเทศมาเลเซีย และหาได้ยากอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ ส่วนการเลี้ยงปลากือเลาะห์ เป็นการเลี้ยงแบบระบบน้ำไหลผ่าน ซึ่งเป็นน้ำจากภูเขา ไม่ใช้เครื่องเติมออกซิเจน สร้างบ่อการเลี้ยงให้คล้ายแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติ และต้องเป็นน้ำที่สะอาดไม่มีมลพิษ ซึ่งใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 ปี ถึงจับไปขายได้ ขนาดตัวละประมาณ 3 กิโลกรัม ปัจจุบันปลากือเลาะห์ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ จีน หากนำไปขายที่มาเลเซีย ราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท ปัจจุบันกำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากเป็นข้อกำจัดของสายพันธุ์ที่ออกไข่เพียง 500-1,000 ฟองต่อครั้ง เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า 1 ปีมาแล้ว แต่ด้วยปลามีอายุเพียง 2 ปีซึ่งยังไม่เติบโตเต็มที่ จึงยังไม่สามรถส่งออกไปขายได้
สำหรับปลาพลวงชมพูเป็นปลาน้ำจืดประจำท้องถิ่น จ.ยะลา และ นราธิวาส มีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า อีแกกือเลาะห์ หรือปลากือเลาะห์ อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน รูปร่างคล้ายปลาเวียน ลำตัวเพียวและเป็นทรงกระบอก ส่วนหัวค่อนข้างมน ริมฝีปากหนา ปากกว้างเล็กน้อย ใต้คางมีตึ่งเนื้อสั้นๆ มีหนวด 2 คู่ ตาอยู่ค้อนไปทางด้านบนหัว เกล็ดมีขนาดใหญ่ ครีบหลังมีก้านแข็ง 1 อัน ครีบหางเว้าลึก ครีบก้นสั้น ลำตัวด้านบนมีสีคล้ำอมน้ำตาล ด้านข้างลำตัวมีสีเงินเหลือบชมพูหรือทอง ครีบสีคล้ำ ด้านท้องสีขาว เป็นปลาที่มีรสชาติดี และเป็นปลาเพียงชนิดเดียวที่สามารถรับประทานทั้งเกล็ดได้ อีกทั้งยังเลี้ยงเป็นปลาสวยงามไว้โชว์ประดับได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลาได้ศึกษาอย่างต่อเนื่องในการเลี้ยงปลาพลวงชมพูในบ่อซีเมนต์ ด้วยระบบน้ำหมุนเวียน ทั้งนี้เพื่อเป็นการขยายพันธุ์ปลาพลวงชมพูให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น หากผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-7329-7042 หรือสามารถมาศึกษาดูงานได้ที่ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง การเลี้ยงปลานิลเชิงพาณิชย์ ของนายสันติชัย จงเกียรติขจร ตั้งอยู่เลขที่ 138 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา โทร.095-094-6153
.ภาพ/ข่าว อดินันท์ มะลี SPMCNEWS อ.เบตง จ.ยะลา
1,116 total views, 2 views today
More Stories
เลขาฯ รมต.ยุติธรรม ชี้ มหกรรมแก้หนี้ ปลดหนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม แก้ปัญหาหนี้สิน 242 ล้าน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการ วิทยาลัยการอาชีพเบตง
เทศบาลเมืองปัตตานีจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อยอดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี