ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ
หัวหน้าสำนักงานงานจุฬาราชมนตรี(ส่วนหน้า)
อัลกุรอานเป็นธรรมนูญแห่งชีวิตของมุสลิม เมื่อมุสลิมมิได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง หากแต่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนหลากหลายศาสนา จึงเป็นธรรมดาที่อัลกุรอานจะบัญญัติกรอบแห่งปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นไว้ด้วย
เมื่อพูดถึงการญิฮาด หลายคนนึกถึงการทำสงครามของมุสลิมที่มุ่งเน้นเพียงการปกป้องอิสลามและปกป้องตัวเองเท่านั้น จะมีสักกี่คนที่ตระหนักว่าเมื่ออัลลอฮทรงบัญญัติการญิฮาดนั้น ทรงระบุถึงการปกป้องคุ้มครองศาสนสถานอื่นนอกเหนือจากศาสนสถานของมุสลิมด้วย
นั่นคือบทที่ 22(อัลฮัจญ์) : 40 ซึ่งพระดำรัสช่วงนี้มีใจความว่า
“แม้นหากพระองค์ไม่ทรงอนุมัติให้มีการต่อสู้ทัดทานอำนาจชั่วร้ายในหมู่มนุษย์กันเอง ศาสนสถานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสถานบำเพ็ญภาวนาของเหล่านักบวช โบสถ์คริสต์ โบสถ์ยิว และมัสยิด ก็คงถูกทำลายเสียสิ้น…”
นัยยะแห่งโองการคือ ทรงอนุมัติการต่อสู้ทัดทานกับอำนาจชั่วร้ายของกษัตริย์หรือผู้นำบางคน เพื่อรักษาสมดุลในสังคมมนุษย์มิให้คนอ่อนแอถูกทำลายจนย่อยยับและเพื่อให้ศาสนสถานทั้งหลายสามารถดำรงอยู่เป็นสถานขัดเกลาจิตใจของผู้คนต่อไปได้
ดังนั้น โปรดศึกษาอัลกุรอานให้รอบด้าน ก่อนจะออกมากล่าวร้ายแก่คัมภีร์อันยิ่งใหญ่นี้ เพราะการกล่าวโดยไม่ศึกษาให้ดี มีแต่บ่งชี้ว่าผู้กล่าวนั้นเป็นคนโฉดเขลาคนหนึ่งเท่านั้นเอง
หมายเหตุศึกษาบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมใน
http://www.islammore.com/view/1266
931 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.