มีนาคม 28, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

บทเรียนจากสึนามี : 15 ปีผ่านไปได้อะไรบ้าง

แชร์เลย

บรรจง บินกาซัน(เผยแพร่ครั้งแรกผ่านเฟสบุ๊คท่าน)

อย่าคิดว่ามนุษย์ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศประเสริฐศรีและมีวิทยาการก้าวหน้าเหนือกว่าสัตว์จะรู้อะไรมากไปกว่าสัตว์เสียทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ แต่บางครั้ง สัตว์ก็มีสัญชาตญาณแห่งการเตือนภัยเหนือกว่ามนุษย์มาก จนบางครั้งมนุษย์เองก็ใช้สัญชาตญาณของสัตว์ในการบอกเหตุบางอย่าง เช่น เมื่อมนุษย์สังเกตเห็นมดคาบไข่ขึ้นสู่ที่สูง มนุษย์ก็จะรู้ทันทีว่าจะมีฝนตกหนักหรือไม่ก็มีน้ำท่วมเกิดขึ้น
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสัตว์ไม่มีสติปัญญาและไม่มีเจตนารมณ์เสรีที่จะเลือกกินเลือกทำเหมือนมนุษย์นั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ประทานสัญชาตญาณเพื่อการอยู่รอดแก่มันเป็นพิเศษ

ก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 มีข่าวชิ้นเล็กๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่าช้างบริการนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้เกิดอาการตื่นตระหนกและวิ่งหนีขึ้นที่สูงโดยที่ควาญช้างก็ไม่รู้สาเหตุ แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก คลื่นยักษ์ก็ซัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันของไทยและชายฝั่งประเทศต่างๆรอบมหาสมุทรอินเดียซึ่งยังผลให้ทรัพย์สินบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างริมชายฝั่งได้รับความเสียหายจำนวนมากมายมหาศาล ผู้คนนับแสนต้องเสียชีวิตอย่างสยดสยองและอีกหลายแสนคนต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากการพลัดพรากและการไร้ที่อยู่

ไม่เพียงแต่ช้างเท่านั้น มีคนบอกเล่าอีกว่าก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิไม่นาน สัตว์ประเภทงูเงี้ยวเขี้ยวขอก็หนีกันขึ้นไปอยู่ตามอาคารบ้านเรือนบนที่สูงอย่างผิดสังเกต

หลังจากคลื่นยักษ์กลับไปนอนนิ่งสงบในท้องทะเลโดยปล่อยให้ชายฝั่งเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพและนองไปด้วยน้ำตาแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้เกี่ยวข้องก็กระวีกระวาดหางบประมาณติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยและซ้อมหนีภัยกันหลายครั้ง ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนและนักเที่ยวที่มาหาความสำราญริมชายหาด

อย่างไรก็ตาม หายนะภัยทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน อย่างไร เมื่อใดและรุนแรงมากน้อยแค่ไหน จนกว่ามันจะเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น มนุษย์จึงจะรู้ได้ การหลีกเลี่ยงความตายและความเสียหายของทรัพย์สินขึ้นอยู่กับความเร็วของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเตือนภัยเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว หายนะภัยจะไปถึงผู้คนก่อนข่าวสารเสมอ

หายนะโลกนี้ไม่เท่ากระผีกโลกหน้า

ชีวิตมนุษย์มิได้จบลงตรงความตาย หากแต่ความตายเป็นแค่เพียงประตูที่ชีวิตจะเข้าไปสู่โลกใหม่ที่ยาวนานกว่าโลกนี้อย่างเทียบกันไม่ได้ วันหนึ่งของชีวิตนี้ก็แค่โลกหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่โลกก็เป็นแค่เม็ดทรายเล็กๆบนชายหาดจักรวาลที่ประกอบไปด้วยหมู่ดาวนับแสนล้านดวงในระบบกาแล็กซี่หนึ่งของเอกภพ เราไม่รู้ว่าหนึ่งวันของกาแล็กซี่จะมีระยะเวลากี่พันกี่หมื่นปี แต่ชะตากรรมของชีวิตมนุษย์ในโลกหน้าจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพราะขณะที่วิญญาณอาศัยร่างมนุษย์อยู่ในโลกนี้ วิญญาณคือผู้บงการเนื้อหนังมังสา แขนขา หูตาของมนุษย์ให้ทำสิ่งต่างๆทั้งดีและชั่ว ดังนั้น วิญญาณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะเป็นผู้บงการ และการลงโทษคนทำชั่วในชีวิตโลกหน้านั้นเป็นหายนะภัยที่รุนแรงแสนสาหัสและยาวนานมากกว่าในโลกนี้อย่างเทียบกันไม่ได้

นบี ศาสดา ผู้ส่งสัญญาเตือนภัยโลกหน้า

เนื่องจากสัตว์ไม่มีสติปัญญาและไม่มีเจตนารมณ์เสรี พระผู้เป็นเจ้าจึงประทานสัญชาตญาณแห่งการรับรู้หายนะภัยล่วงหน้าแก่มันในฐานะเป็นความเมตตาและความรักของพระองค์ที่มีต่อชีวิตสัตว์

แต่สำหรับมนุษย์ผู้ได้รับสติปัญญาและเจตนารมณ์เสรีในการเลือก ชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์มิใช่มีอยู่แค่เพียงโลกใบนี้ แต่โลกที่แท้จริงของมนุษย์คือภพหน้า ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ให้มีนบีเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์เพื่อเตือนถึงหายนะภัยที่จะเกิดขึ้นในชีวิตโลกหน้า ปรากฏการณ์แห่งหายนะภัยทางธรรมชาติทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นยักษ์และอื่นๆ เป็นเพียงภาพตัวอย่างเล็กๆที่พระองค์ต้องการแสดงให้มนุษย์ได้เห็นถึงหายนะภัยในโลกหน้าเท่านั้น การมีนบีจึงถือเป็นความเมตตาอย่างสูงส่งที่พระเจ้าทรงมีต่อมวลมนุษย์

เนื่องจากมนุษย์มีสติปัญญาและมีเจตนารมณ์เสรี มนุษย์จึงต้องใช้คุณสมบัติทั้งสองนี้ในการตัดสินใจว่าจะเชื่อคำเตือนของนบีหรือไม่ คำเตือนของนบีทั้งหลายก็ไม่มีอะไรนอกไปจากมนุษย์ต้องศรัทธาในพระเจ้าและกระทำความดี ใครก็ตามที่ทำความดีไว้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นความดีของตน และใครที่ทำชั่วไว้แม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นผลกรรมการลงโทษความชั่วของตน

ใครเชื่อคำเตือนก็ปลอดภัย

ภารกิจสำคัญของนบีคือการสั่งสอนศีลธรรมและตักเตือนมนุษย์ นบีทุกท่านมีญาณวิสัยที่มองไกลกว่าโลกวัตถุ เซอร์ไอแซค นิวตัน อาจมองเห็นกฎแรงโน้มถ่วงที่อยู่เบื้องหลังการร่วงหล่นจากต้นของผลแอปเปิล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์อาจมองเห็นทฤษฎีสัมพันธภาพบนท้องฟ้าเบื้องหลังหมู่ดาวซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางวัตถุ แต่ญาณวิสัยของนบีทั้งหลายนั้นมองทะลุไปถึงภพแห่งจิตวิญญาณซึ่งอยู่เกินกว่าสายตามนุษย์ การเชื่อนบีจึงเป็นวิธีการปลอดภัยที่สุดที่จะเตรียมตัวให้ชีวิตปลอดภัยจากหายนะในโลกแห่งวิญญาณ

ท่านนบีมุฮัมมัดได้ถูกพระผู้เป็นเจ้าบัญชาว่า “จงตักเตือนพวกเขาเถิดถ้าหากการตักเตือนนั้นเป็นประโยชน์ ผู้เกรงกลัวพระเจ้าจะยอมรับคำตักเตือนเอง ส่วนคนชั่วช้าสารเลวนั้นจะหลีกเลี่ยงการตักเตือน คนประเภทนี้จะได้อยู่ในกองไฟนรกอันมหึมาซึ่งในนั้นเขาจะไม่ตายและไม่มีชีวิต” (กุรอาน 87:9-13)

สภาพชีวิตที่ไม่เป็นไม่ตายนั้นเราสามารถเห็นได้จากการดิ้นทุรนทุรายของคนติดยาที่มีอาการลงแดง หรือคนที่เนื้อหนังถูกไฟไหม้จากก๊าซ

เมื่อเร็วๆนี้ก็มีร้านอาหารแห่งหนึ่งได้จำลองสภาพความทุกข์ทรมานที่ไม่เป็นไม่ตายให้เราได้เห็นในเมนูที่ชื่อว่า“ปลาสองโลก” นั่นคือปลาเป็นๆตัวใหญ่ที่พ่อครัวใช้ผ้าเย็นจับหัวไว้แล้วขอดเกล็ดที่ลำตัวออก หลังจากนั้นก็ใช้มีดแล่งตามลำตัวทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็จุ่มลำตัวปลาที่ยังมีชีวิตอันเจ็บปวดลงไปทอดในกระทะที่มีน้ำมันเดือดๆ พอเนื้อปลาสุกได้ที่ก็ยกขึ้นมาวางบนจานเสิร์ฟลูกค้า

เป็นเรื่องน่าทึ่งและน่าสยดสยองมากที่ปลาตัวนั้นยังไม่ตาย ในขณะที่ลูกค้าใช้ช้อนส้อมแซะเนื้อของมันออกมาใส่ปากนั้น มันยังทำตาปริบๆและอ้าปากประงาบๆอยู่ หากมันพูดได้ มันก็คงจะเรียกหาความตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่

 1,773 total views,  4 views today