อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ได้ประกาศปรับโครงสร้างคณะรัฐมนตรีใหม่ หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งแรกไปเมื่อเดือนธันวาคม 2023
สาเหตุสำคัญของการปรับเปลี่ยน
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการลาออกของรัฐมนตรี 3 ท่าน ได้แก่:
- เอวอน เบเนดิกต์ (Ewon Benedick): รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาผู้ประกอบการและสหกรณ์ (KUSKOP)
- ราฟิซี รัมลี (Rafizi Ramli): รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ
- นิก นาซมี (Nik Nazmi): รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (NRES)
นอกจากนี้ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม (MITI) ของ เต็งกู ซาฟรูล (Tengku Zafrul) ก็ว่างลงเช่นกัน เนื่องจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (Senator) เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
รายละเอียดการปรับโครงสร้าง
- มีการโยกย้ายตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ รวม 20 ตำแหน่ง
- มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ 8 ท่าน
- บุคคลที่ถูกปรับออก: รัฐมนตรี 2 ท่าน คือ ซาลีฮา มุสตาฟา (กระทรวงดินแดนสหพันธ์) และ นาอิม มกตาร์ (ด้านศาสนา) รวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการ 1 ท่าน คือ เค. สรัสวดี (ด้านสามัคคีธรรมแห่งชาติ)
“เพื่อให้คณะรัฐมนตรีสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใหม่ และแก้ไขปัญหาของประชาชน” — อันวาร์ กล่าว
การปรับคณะรัฐมนตรีของอันวาร์ อิบราฮิม ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการหาคนมาแทนที่ตำแหน่งที่ว่างลง แต่สะท้อนถึงกลยุทธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญ ดังนี้ครับ
1. สาเหตุของการปรับคณะรัฐมนตรี (The Causes)
- การสูญเสียขุนพลเศรษฐกิจคนสำคัญ: การลาออกของ ราฟิซี รัมลี (มือวางอันดับหนึ่งด้านเศรษฐกิจ) และการหมดวาระของ เต็งกู ซาฟรูล ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ในทีมเศรษฐกิจ อันวาร์จึงจำเป็นต้องปรับทัพเพื่อไม่ให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน
- การจัดการเสถียรภาพภายในพรรคร่วม: การลาออกของรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ (เช่น Ewon จากพรรค UPKO ในซาบาห์) บีบให้อันวาร์ต้องจัดสรรโควตาใหม่เพื่อรักษาความพึงพอใจของพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐทางตะวันออก (ซาบาห์และซาราวัก)
- ผลการทำงานที่ไม่เข้าเป้า: การปลดรัฐมนตรีบางท่าน อาจ สะท้อนว่าอันวาร์ไม่พอใจกับการสื่อสารนโยบายหรือการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ที่ล่าช้า
- การเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตค่าครองชีพ: อันวาร์ต้องการ “เลือดใหม่” ที่สามารถทำงานเชิงรุกเพื่อตอบคำถามประชาชนเรื่องปากท้อง ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดของรัฐบาลในปัจจุบัน
2. ความท้าทายของอันวาร์ (Challenges for Anwar)
- ความเป็นเอกภาพ (Unity): การโยกย้ายถึง 20 ตำแหน่งอาจสร้างความไม่พอใจให้กับคนในพรรคที่ถูกลดบทบาท อันวาร์ต้องควบคุมไม่ให้เกิดรอยร้าวภายใน “รัฐบาลสามัคคี” (Unity Government)
- ความคาดหวังของประชาชน: เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ประชาชนย่อมคาดหวังผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น หากเศรษฐกิจยังไม่กระเตื้องภายใน 6 เดือนหลังจากนี้ ความเชื่อมั่นในตัวอันวาร์จะลดลงอย่างมาก
- การคานอำนาจกับกลุ่มอนุรักษนิยม: อันวาร์ต้องรักษาจุดยืนสายกลาง (Madani) ในขณะที่ต้องรับมือกับการรุกคืบของฝ่ายค้าน (PN) ที่เน้นประเด็นเชื้อชาติและศาสนา
3. ความท้าทายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ (Challenges for the New Cabinet)
- การสานต่อนโยบายเศรษฐกิจ (Economic Continuity): รัฐมนตรีเศรษฐกิจและ MITI คนใหม่ต้องเข้ามาสานต่อแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมแห่งชาติ (NIMP 2030) ทันทีโดยไม่มีช่วงฮันนีมูน
- วิกฤตค่าครองชีพและเงินเฟ้อ: โจทย์ที่ยากที่สุดคือการยกเลิกการอุดหนุนแบบเหมาจ่าย (Subsidy Rationalization) เช่น ราคาน้ำมันและไฟฟ้า โดยไม่ให้กระทบต่อคะแนนเสียงของกลุ่มคนรากหญ้า
- การดึงดูดการลงทุน (FDI): ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกผันผวน ทีมใหม่ต้องพิสูจน์ให้นักลงทุนเห็นว่ามาเลเซียยังมีนโยบายที่นิ่งและน่าดึงดูดกว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน
บทสรุป
การปรับทัพครั้งนี้คือการ “รีเซ็ต” เพื่อให้รัฐบาลมีพลังงานใหม่ (Fresh energy) ในการขับเคลื่อนนโยบายที่ติดขัดในช่วง 2 ปีแรก โดยมีเป้าหมายหลักคือ “ปากท้องของประชาชน” เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งในอนาคต
156 total views, 156 views today

More Stories
วิเคราะห์การเมือง: “สาเหะมูหะมัด อัลอิดรุส” ย้ายบ้านใหม่ – ใครคือผู้ท้าชิงเก้าอี้เขต 5 ปัตตานี?
สกู๊ปพิเศษ: สนามรบชายแดนใต้ — “ตักวา” ปะทะ “เงินเทา” พิทักษ์ ‘อะมานะฮฺ’ ในการเมือง
ยุบสภาแล้ว: รายงาน กมธ. สันติภาพชายแดนใต้ 2 ปี “สูญเปล่า” พร้อมร่างกฎหมายกว่า 88 ฉบับร่วงตาม