พฤศจิกายน 28, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

3 ฝ่ายร่วมแถลง ชี้แจงคืบหน้า ยิงปะทะที่คอลอตันหยง อ.หนองจิก ปัตตานี วิสามัญคนร้ายสำคัญได้ 2 ราย พร้อมขอบคุณแหล่งข่าวประชาชนที่แจ้งเบาะแส คนร้าย

แชร์เลย

อับดุลเลาะ เบญญากาจ  จ.ปัตตานี รายงาน..


( 22 พ.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา13.00 น. ณ เรือนรับรอง มลฑลทหารบก 46(มทบ. 46) พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ,นายสมนึก พรหมเขียว รอง ผวจ.ปัตตานี หัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดแถลงข่าวจากกรณีเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้ปะทะกับกลุ่มคนร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา


ซึ่งการปฏิบัติในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการได้รับแจ้งข่าว จากแหล่งข่าวภาคประชาชนว่าพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาพักหลบซ่อนในพื้นที่ จึงได้มีการจัดกำลังร่วม 3 ฝ่าย พร้อมประสานผู้นำ 4 เสาหลัก เข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมาย และมีความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายมอบตัวนานกว่า 3 ชม.แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ และคนร้ายได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะกันและเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ โดยเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่เข้าโจมตีสังหารหมู่ 15 ศพ ที่ลำพะยา, โจมตีชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮารัง จ.ปัตตานี, ปล้นตู้ ATM ที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาฎอนี, ปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ และพี่น้องประชาชนทั้งพุทธและมุสลิม เป็นจำนวนมาก


โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอบคุณแหล่งข่าวภาคประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส, ผู้นำ 4 เสาหลักในพื้นที่ที่ได้ช่วยกันเจรจาเกลี้ยกล่อม และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานหญิงที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็กและสตรีเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยได้สำเร็จ ทั้งนี้จะเร่งรัดตรวจพิสูจน์หลักฐาน เพื่อขยายผลกลุ่มก่อเหตุ และจะใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดเข้าดำเนินการต่อกลุ่มคนร้ายที่เหลือ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อจากการใช้ความรุนแรง โดยเร็วที่สุดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าขอเป็นกำลังใจและชื่นชมที่พี่น้องประชาชน.. ได้ออกมาช่วยกันแจ้งข่าวเบาะแสคนร้าย หรือสิ่งผิดปกติต่าง ๆ ที่ได้พบเห็น ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้บ้านได้ทราบ หรือแจ้งผ่านหมายเลข 1371 ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อร่วมด้วยช่วยกันในการป้องกันเหตุร้าย และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในชุมชนของเราสืบไป..
โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ชาวบ้านในตำบลคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้แจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นในหมู่บ้าน มีความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดสังเกต เกรงว่าจะมีการก่อเหตุร้ายขึ้นเหมือนกับหลายๆ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมานี้


ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เจ้าหน้าที่ทหารพรานและตำรวจในพื้นที่ได้เข้าปิดล้อม บ้านของนายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ ตามที่ได้สืบทราบมาว่า มีคนร้ายหนีคดีสำคัญหลบซ่อนอยู่ โดยได้ให้ผู้นำชุมชนช่วยเจรจาขอให้มอบตัวโดยดี แต่คนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อหวังแหกวงล้อมหลบหนี จึงเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ผลสุดท้าย คนร้ายตาย 2 ศพ ทราบชื่อในภายหลังว่าคือ นายซอบรี หลำโซ๊ะ และ นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอีกหลายคดี
นายซอบรี หลำโซ๊ะ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงหลายคดี เช่น คาร์บอมบ์หน้าห้าง “บิ๊กซี ปัตตานี” เมื่อ 9 พ.ค.60, คดีปล้นรถกระบะ 6 คันจากเต็นท์รถ “วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์” ใน อ.นาทวี จ.สงขลา นำไปทำคาร์บอมบ์ เมื่อ 17 ส.ค.ปีเดียวกัน, เหตุการณ์คาร์บอมบ์ใกล้กับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้ามืดวันอังคารที่ 8 ม.ค. เป็นคาร์บอมบ์ลูกแรกของปี 62 , คดีโจมตีจุดตรวจ ชคต.บ้านกอแลปิเละ ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เมื่อ 23 ก.ค.62 (หลังเกิดกรณี อับดุลเลาะ อีซอ มูซอ ถูกจับและหมดสติในค่ายทหารเพียง 3 วัน) คดีปล้นร้านทองใน อ.นาทวี เมื่อ 24 ส.ค.ปีเดียวกัน, คดีซุ่มยิง อส.ชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ 16 ก.ย. และล่าสุดก็คือเหตุโจมตีป้อม ชรบ.ที่ลำพะยา


นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ พบมีประวัติก่อเหตุโชกโชน เป็นสมาชิกลุ่มปฏิบัติการ/มือปืน, มือประกอบวัตถุระเบิด, เคยก่อเหตุลอบวางระเบิด จนท.ทหาร ร้อย.ร.1614 ฉก.ปัตตานี 21 เมื่อ 26 พ.ค.51, การกราดยิง อ.ส.ที่บ้านปะกาฮารัง, เหตุปล้นร้านทอง ที่จังหวัดสงขลา , เหตุปล้นตู้ ATM ที่มหาวิทยาลัยฟาตอนี และล่าสุดตกเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุยิงป้อม ชรบ.ลำพะยา เมื่อ 5 พ.ย. ใน ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 15 ศพ
ส่วนศพทั้งสองเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายนำเก็บไว้ที่โรงพยาบาลปัตตานี เพื่อการชันสูตรพลิกศพ ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิตทั้งสองศพนั้นเป็นใคร เนื่องจากไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนแต่อย่างใด ทางพนักงานสอบสวนต้องเรียกสอบปากคำญาติบางส่วนเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติผู้เสียชีวิต จนทำให้การรับมอบศพให้กับญาติเป็นไปล่าช้ามากที่มารอรับรับศพตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา จนเกิดภาวะหงุดหงิดและไม่พอใจต่อการล่าช้า โชคดีที่ได้รับการประสานจากหน่วยศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ในการอำนวยความสะดวกในครั้งนี้จนสามารถนำศพทั้งสองกลับไปยังบ้านเกิดในเวลาประมาณ 14.30 น.

////////////////////////////////////////////////

 796 total views,  2 views today

You may have missed