อภิสิทธิ์ ปชป.ลงหาเสียงเบตง ชูนโยบาย แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และ นโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทีมข่าว BETONG NEWS รายงาน…

ช่วงเย็น( 6 มี.ค.62) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค ได้ลงพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้สุดแดนสยาม ขึ้นรถหกล้อแห่รอบเมืองเบตง พร้อมโบกมือทักทายพ่อค้า แม่ค้า พี่น้องประชาชน ในย่านเศรษฐกิจเมืองเบตง อ้อนประชาชน ขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอโอกาสให้พรรคได้รับคะแนนเสียงมากๆ เพื่อจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และขอคะแนนเสียงให้นายณรงค์ ดูดิง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 12 เขต 3 จังหวัดยะลา พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำงานนโยบายครั้งนี้ของประชาธิปัตย์แตกต่างไปจากอดีต เนื่องจากมีเวลาถึง 5 ปี ทำงานกันทุกวันในการติดตามปัญหาของคนทุกกลุ่มในสังคมกลั่นกรองและคิดค้นนโยบายจนออกมาเป็น แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และเป็นกรอบที่สามารถดำเนินการได้ทันที นโยบายที่ต้องดำเนินการไปพร้อมกันเริ่มจาก แก้จน ด้วยการเพิ่มรายได้ ลดหนี้สิน ลดค่าใช้จ่าย สร้างคน โดยการมองไประยะยาวเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ขีดความสามารถในการแข่งขันคนไทย ศักยภาพคนไทย ตอบโจทย์สังคมสูงอายุ การลดความเหลื่อมล้ำที่แท้จริงคือการเพิ่มความรู้ ความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาต่ออนาคตมากที่สุดคือการเข้าถึงการศึกษา และ สร้างชาติ คือวิสัยทัศน์การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ความเข้มแข็งและมั่นคงให้กับสังคมได้แก่ แก้ปัญหายาเสพติด ปฏิรูปการบริหารประเทศ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะยกระดับราคายางพาราให้สูงขึ้นได้ จากมาตรการดึงยางพาราออกจากตลาดอย่างเป็นระบบผ่านโครงการของรัฐ และมีการสะสางปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ทำกินในสวนยางปัญหาสวัสดิการแรงงานในสวนยาง รวมถึงแนะนำว่าทำอย่างไรให้ใช้พื้นที่ในสวนยางอย่างมีประสิทธิภาพยั่งยืนมากขึ้นมีแหล่งรายได้อื่นเพิ่มเติมนอกจากยางพารา อีกทั้งยังมีการประกันรายได้ยางพาราที่กิโลกรัมละ 60 บาท ส่วนเรื่องปัญหาความไม่สงบที่เป็นปัญหาเฉพาะในพื้นที่ถ้ามีผู้แทนราษฎร และรัฐบาลไปในทิศทางเดียวกันก็จะเป็นประโยชน์มาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กล้ายืนยันว่าเป็นรัฐบาลที่พูดและปฏิบัติในเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบโดยใช้การเมืองนำการทหาร เห็นได้จากยุคที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีพยายามดึงให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ผ่านบทบาทของศอ.บต.แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทุกอย่างกลับไปที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างเดียว เช่น พยายามลดทอนบทบาทของศอ.บต.และเพิ่มบทบาทกอ.รมน.แทนหรือการมอบหมายให้บุคลากรฝ่ายความมั่นคงต้องปฏิบัติงานในส่วนที่เป็นเรื่องนโยบายทางการเมือง ดังนั้นเราจะกลับไปใช้วิธีการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ส่วนกระบวนการพูดคุยก็ต้องเดินต่อแบบมีเป้าหมาย และเป้าหมายที่คิดว่าเป็นทางออกคือการกระจายอำนาจ ซึ่งพรรคมีนโยบายให้เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเชื่อว่าการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะช่วยให้พี่น้องที่มีความหลากหลายสามารถใช้ชีวิตในสังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง

///////////////////////////////////////////

 874 total views,  6 views today