เมษายน 28, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุดเจ้าหน้าที่ ชคต.หลังโจรใต้ ยึดสถานีอนามัย เป็นฐานบุกถล่ม ชุดปฎิบิตร่วม เจ้าหน้าที่ ปักหลักยิงปะทะถล่มระเบิดอย่างดุเดือด ก่อนคนร้ายล่าถอยหนี

แชร์เลย

 

 

บทบรรณาธิการข่าว….ภาพข่าว มะดารี โตะลาลา/สุไลมาน ยุ

สำหรับความคืบหน้าเหตุคนร้ายได้ประชุมวางแผนนัดแนะบุกโจมตีฐานและวางระเบิดเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายในพื้นที่ 3 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส คือ ระแงะ จะแนะและศรีสาคร ในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงเวลา 18.30 น. ถึง 19.30 น. ของช่วงเย็นในวันที่ 28 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ รวม 5 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ในช่วงเช้าของวันที่ 29 ธ.ค. 61 โดยได้แยกย้ายกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมกันทั้ง 3 อำเภอ ดังนี้

โดย อ.ระแงะ เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. 61 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผกก.สภ.ระแงะ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 45 ร.ต.อ.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา ตั้งอยู่บ้านกาหนั๊วะ ม.5 ต.กาลิซา ในช่วงคืนที่ผ่านมา เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่พบที่พักของชุดคุ้มครองตำบลที่ปลูกสร้างด้วยอิฐบล็อกมุงหลังคาด้วยกระเบื้อง ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย 2 หลัง คลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง 1 หลัง จากระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างที่คนร้ายได้ผลิตเอง โดยบรรจุใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 400 กรัม และเจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจพบระเบิดชนิดดังกล่าว ซึ่งไม่ทำงานตกกระจายเกลื่อนภายในฐานอีก จำนวน 22 ลูก พร้อมกระเดื่อง 13 อัน และวงจรระเบิด 22 ชุด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเก็บกู้ไว้

นอกจากนี้ที่บริเวณกำแพงรั้วด้านซ้ายมือของอาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา ซึ่งติดกับฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล ซึ่งเป็นอิฐบล็อกมีร่องรอยคล้ายถูกคนร้ายใช้ของแข็งทุบเป็นรูโหว่ สามารถลอดเข้าไปในฐาน ชคต.ได้ และบริเวณด้านหลังและด้านข้างของฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล เจ้าหน้าที่ตรวจพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 อาก้า.และลูกซอง ตกอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 7 ถึง 8 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้แฝงตัวเข้าไปยังอาคารที่ทำการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา พร้อมได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ 4 คน ซึ่งทำงานล่วงเวลาให้เข้าไปหลบในอาคารที่ทำการ พร้อมได้ยึดโทรศัพท์มือถือไว้ จากนั้นคนร้ายส่วนที่เหลือได้ใช้ของแข็งทุบกำแพง พร้อมใช้เป็นที่กำบังใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างที่ผลิตขึ้นเอง ที่เตรียมมาจำนวน 32 ลูก ขว้างเข้าไปในฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล พร้อมสลับใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่ฐาน ส่วนคนร้ายกลุ่มที่ 2 จำนวนประมาณ 10คน พร้อมอาวุธปืนครบมือได้แฝงตัวออกมาทางด้านข้างและด้านหลังของฐาน ในการสนับสนุนยิงปืนถล่มเข้าไปในฐาน จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกัน

ต่อมา นายมาหามะ เจ๊ะแม อดีตกำนัยตำบลกาลิซา ได้ยินเสียงปืนจึงได้ระดมกำลังชุด ชรบ.และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 12 คน พร้อมอาวุธปืนลูกซอง เดินทางไปสนับสนุนชุดคุ้มครองตำบล พร้อมเปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย เป็นเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง คนร้ายเห็นจวนตัวจึงได้อาศัยความชำนาญพื้นที่ล่าถอยไป เมื่อเสียงปืนสงบลงพบว่า นายอับดุลอาซิ มะมิง ถูกสะเก็ดระเบิดของคนร้ายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแผ่นหลังเล็กน้อย และเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปยังอาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา เพื่อทำการตรวจสอบความเสียหาย และพบเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน อยู่ในสภาพเสียขวัญจึงได้ทำการปลอบประโลม ก่อนที่จะนำตัวส่งบ้านพัก

แต่ถึงอย่างไรก็ตามในระหว่างที่ชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา ได้เกิดปะทะกับกลุ่มคนร้ายอยู่นั้น ได้มีคนร้ายอีก 3 ชุด ได้แยกย้ายกับตัดต้นไม้ขวางถนน 3 สาย ที่มุ่งหน้าไปยังฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา เพื่อสกัดกั้นการสนับสนุนกำลังเข้าไปช่วยเหลือ คือ สายบ้านปูโงะ – บ้านกาหนั๊วะ , สายบ้านลูดฐ๊ะบาตู – บ้านบาโงกาหนั๊วะ , และสายบ้านกาเด็ง – บ้านกาหนั๊วะ โดยในช่วงคืนที่ผ่าน ชุด ชรบ.และชุดคุ้มครองตำบล หลังจากเสร็จสิ้นการเคลียร์พื้นที่ในฐาน ได้ช่วยกันเคลื่อนย้ายต้นไม้ที่ล้มขวางถนนออกจากการจราจร

ส่วน อ.ศรีสาคร เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 29 ธ.ค. 61 พ.ต.อ.สุธาเวชช์ ธารีไทย ผกก.สภ.ศรีสาคร ร.ต.อ.ฤทธิชัย น้อยสุก รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ คนร้ายลอบวางระเบิด 2 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมาเวลา 19.30 น. โดยจุดที่ 1. ริมถนนบ้านกลูบี ม.4 ต.ซากอ เจ้าหน้าที่พบเสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น และต้นติดกันเอียง 1 ต้น และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนักประมาณ 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ตกกระจายเกลื่อนพื้นที่ถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงเวลา 19.30 น. คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ความปั้นป่วนขึ้นในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้าน 4 คน กำลังขี่รถ จยย.แล่นผ่าน ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน คือ 1.น.ส.สมใจ นวลจริง 2.นางมาสินี ยูโซะลีเมาะ 3.น.ส.อาริณี หะยีสะกันดา และ 4 น.ส.อามีนา หะยีสะกันดา ซึ่งมีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ

และจุดที่ 2 เป็นบริเวณเสาไฟฟ้าริมถนนบ้านละโอ ม.2 ต.ศรีบรรพต เจ้าหน้าที่พบเสาไฟฟ้าหักโคน จำนวน 2 ต้นขวางถนน และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในแป๊ปเหล็กทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนักประมาณ 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจุดดังกล่าวนี้ได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับจุดที่ 1 เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดี

และในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น จากการโคนล้มของเสาไฟฟ้าที่ขวางถนนที่บริเวณบ้านละโอ ม.2 มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 คน จากการขี่รถ จยย.ผ่านมายังจุดเกิดเหตุ แต่ไม่เห็นเสาไฟฟ้าที่ล้มขวางอยู่ คือ 1.นายมาหะมะ หะยีสะอุ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตืองอ ม.3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งมีอาการสาหัส แพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์2.นายมะยูนัง ตาเย๊ะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบีโล๊ะ ม.3 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ส่วน อ.จะแนะ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ธ.ค. 61 พ.ต.อ.สมชาย นิลเพชร ผกก.สภ.จะแนะ พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 4 จุด และพบเห็นระเบิดไม่ทำงานอีก 1 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมาเวลา 19.10 น.

โดยจุดที่ 1. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเสาไฟฟ้าริมถนนบ้านยามู ม.1 ต.ดุซงญอ พบเสาเหล็กทรงกลมที่ติดตั้งไฟฟ้าแบบโซล่าเชลล์ หัก 1 ต้น และฝั่งตรงกันข้ามเป็นเสาไฟฟ้าปูนทั่วไป ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยเสาไฟฟ้าทั้ง 2 ต้น มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12นิ้ว หนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้าริมทาง

จุดที่ 2. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณเสาไฟฟ้าใกล้กับหัวสะพานบ้านสุแฆ ม.3 ต.ดุซงญอ เสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย และพบเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่ คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ตกอยู่เกลื่อนทั่วบริเวณ

จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่องที่ คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ แขวนอยู่ที่เสาไฟฟ้าริมถนนบ้านรือเปาะ ม.4 ต.ดุซงญอ เจ้าหน้าที่จึงได้กันพื้นที่พร้อมให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่าง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุด อี.โอ.ดี. จะใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงในการเก็บกู้ด้วยการยิงทำลาย และพบว่าระเบิดลูกดังกล่าววงจรจุดชนวนระเบิดขัดข้อง จึงไม่ทำงานในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แกะชิ้นส่วนและอุปกรณ์จุดชนวนระเบิด เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส นำไปตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝงและ ดี.เอ็น.เอ. ในการนำไปเปรียบเทียบกับประวัติบุคคลที่ก่อเหตุคดีความมั่นคง

จุดที่ 4 และ 5 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสาไฟฟ้าริมถนนบ้านกาแย ม.5 ต.ดุซงญอ และเสาไฟฟ้าบนเนินเขาริมถนนบ้านยะออ ม.1 ต.จะแนะ ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจนหักโคน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยวงจรอีเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ตกเกลื่อนบริเวณรอบเสาของโคนเสาไฟฟ้าทั้ง 2 ต้น

 

ต่อมาล่าสุดเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. 61 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 7 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ได้เดินลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทาง บนถนน 4048 สายยี่งอ ซึ่งห่างจากโรงพยาบาลยี่งอเฉลิมพระเกียรติ 200 เมตร ได้พบวัตถุต้องสงสัยฝังอยู่ใต้ผิวถนน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดจากชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ มาทำการตรวจสอบและพบว่า วัตถุดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถ้งแก๊สหุ้งต้ม หนัก 50 ก.ก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่ลากสายไฟฟ้ายาวเข้าไปจุดชนวนในป่ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงในการเก็บกู้ด้วยการยิงทำลาย ซึ่งคาดว่า กลุ่มคนร้ายเตรียมจุดชนวนเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลังที่ขับนายพาหนะผ่านไปบริเวณดังกล่าว

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแยกย้ายกันตรวจสอบจุดเกิดเหตุในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวมรวบหลักฐานทั้งหมด อาทิ ปลอกกระสุนปืน ระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างที่คนร้ายได้ผลิตเอง  โดยบรรจุใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 400 กรัม จำนวน 22 ลูก ซึ่งไม่ทำงาน รวมทั้งระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนัก 5 ก.ก. หรือ ไอ.วี.ไทม์เมอร์ ที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้เอาไว้ได้ 1 ลูก ส่วนประกอบ วงจรระเบิด 22 วงจร กระเดืองจำนวน 13 อัน รวมทั้งเศษซากชิ้นส่วนของระเบิด และปืนเล็กยาวเอชเค ของเจ้าหน้าที่ อส.ถูกระเบิดเพลิงไหม้เสียหาย 1 กระบอก จะนำไปตรวจสอบทางกระบวนการวิทยาศาสตร์ เพื่อนำผลการตรวจไปเปรียบเทียบกับบุคคลในแฟ้มก่อคดีความมั่นคง ว่าตรงกับผู้ใดและเป็นสมาชิกแนวร่วมของเครือข่ายกลุ่มก่อความไม่สงบบุคคลใด เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคงที่ติดตามการเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เชื่อว่า การก่อเหตุของคนร้ายกลุ่มนี้ในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ มีการประชุมวางแผนนัดแนะก่อเหตุร้ายขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งแกนนำระดับสั่งการเป็นคนเดียวกัน ที่ใช้สมาชิกแนวร่วมที่เคลื่อนไหวในแต่ละพื้นที่ร่วมก่อเหตุ เนื่องจากมีความชำนาญพื้นที่และง่ายในการหลบหนี หากถูกเจ้าหน้าที่กดดันไล่ล่า

ต่อมา พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์  แม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางมายังฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา เพื่อติดตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ชุด ชคต.และ ชรบ. ที่เข้ามาให้การสนับสนุนในการตอบโต้กับกลุ่มคนร้าย โดยขอชื่นชมทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท และให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นหน่วยงานใด ซึ่งตนจะนำแบบอย่างการปฏิบัติหน้าที่ของ ชคต.และ ชรบ.กาลิซา แห่งนี้เป็นต้นแบบให้ ชคต.ทั้งหมดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอชื่นชมทุกคน เนื่องจากกลุ่มก่อความไม่สงบมีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถที่จะบุกยึดและโจมตีฐาน ชคต.แห่งนี้ได้

//////////////////////////

 

 663 total views,  2 views today

You may have missed