พฤศจิกายน 27, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

กรุงเทพ – รวบแก๊งชาวจีน ปลอมพาสปอร์ตสวมรอยรับจ้างสอบภาษา

กรุงเทพ - รวบแก๊งชาวจีน ปลอมพาสปอร์ตสวมรอยรับจ้างสอบภาษา

แชร์เลย

กรุงเทพ – รวบแก๊งชาวจีน ปลอมพาสปอร์ตสวมรอยรับจ้างสอบภาษา

ที่ สตม.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.หัวหน้าชุดศปอส.ตร พล.ตต.สมบัติ ชูชัยยะ ผบก.ประจำสตม.พล.ต.ต.อิทธิพล สารรณชัย รอง ผบช.สตมพลต.ต.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม.พล.ต.ต.อาชยานนท์ ไกรทอง ผบก.ตม.3 Mr.Sachio. Higshiura เลขานุการโทและกงสุลถานฑูตญี่ปุ่น แถลงข่าวจับกุม MR.JIE WANG สัญชาติจีน , MISS.JIA LIN สัญช าติจีน , MISS.JUAN CHEN สัญช าติจีน อายุ 33 ป , MISS.LI HUANG สัญชาติจีน และ MR.MICHAEL LI YAO สัญชาติอเมริกัน ที่มีพฤติการณ์เข้ามากระทําผิดเป็นภัยต่อสังคมไทย และมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ตามมาตรา 12 (7)

https://www.facebook.com/taluikao4/videos/202064087291357/

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าถึงพฤติการแห่คดีว่าเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2561 ศปอส.ตร. ได้รับการประสานจากสถาบันผู้จัดการสอบ เอซีทีหรือแอคท์ (ACT) ซึ่งย่อมาจาก American College Testing เป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้วัดระดับการใช้เหตุผล และการ สื่อสารที่จําเป็นสําหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ในการสอบ เอซีที ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ตําบลศาลายา อําเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งทางสถาบันผู้จัดการสอบได้มีการตรวจสอบรายการจ่ายเงินค่าสอบ แล้วพบว่า ในการจ่ายเงินค่าสอบ มีการจ่ายเงินจากเครดิตการ์ดชาวจีนรายหนึ่งได้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการสอบให้กับชาวจีนที่มาทําการสอบจํานวนหลายราย เป็นพฤติการณ์น่าสงสัย จึงไดทําการตรวจสอบบุคคลผู้ทําการสอบ ปรากฏว่า ผู้เข้าสอบชาวจีน จํานวน 5 ราย คือ MR.JIE WANG สัญชาติจีน อายุ 27 ปี, MISS.JIA LIN สัญช าติจีน อายุ 28 ปี , MISS.JUAN CHEN สัญช าติจีน อายุ 33 ปี, MISS.LI HUANG สัญชาติจีน อายุ 27 ปีและ MR.MICHAEL LI YAO สัญชาติอเมริกัน อายุ 30 ปี โดยทั้งหมดไม่สามารถตอบคําถามข้อมูลส่วนตัว ได้ตรงกับหนังสือเดินทางที่ตนใช้แสดงตัวเพื่อเข้าทําการสอบ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตํารวจ ตม.จว.นครปฐม และ ศปอส.ตร. เข้าทําการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ที่ชาวจีนทั้ง 5 ราย ได้ใช้แสดงตนเขาสอบนั้น พบว่า มีลักษณะพิรุธต้องสงสัยหลายประการ น่าเชื่อว่าจะเป็น หนังสือเดินทางปลอม จึงได้ทําการตรวจยึดหนังสือเดินทาง จํานวน 5 เล่มไวให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทําการตรวจสอบในเชิงลึก เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการสอบถาม ผู้เข้าสอบชาวจีน ทั้ง 5 ราย ยอมรับว่าพวกตนได้รับจ้างเข้ามาสอบเอซีทีแทนผู้สมัครสอบตัวจริง โดยมีเอเย่นต์ในประเทศจีนเป็นตัวกลางติดต่อหาลูกค้าที่เป็นนักศึกษาในประเทศจีนให้ พร้อมทั้งเป็นผู้จัดการค่าเดินทาง ที่พัก และจัดหาหนังสือเดินทางปลอม ที่ใช้สําหรับการเข้าสอบส่งไปยังบ้านของผู้ที่รับจ้างสอบ โดยเป็นหนังสือเดินทางที่มี ชื่อ และข้อมูล ของคนที่ต้องการใช้ผลการสอบ เอซีที ที่ไม่ได้มา สอบด้วยตนเอง แต่รูปภาพ เป็นของผู้ที่รับจ้างมาสอบจริง และเมื่อได้ทําการสอบ เอซีที เรียบร้อยแล้ว จะเอาหนังสือเดินทางปลอมทิ้ง และใช้หนังสือเดินทางตัวจริงของตนเองเดินทางกลับประเทศ หลังจากนั้นหากตน สามารถสอบได้คะแนนผ่าน จะได้รับค่าจ้าง เมื่อสอบผ่านเป็น จํานวนค่าจ้าง 10,000 – 20,000 หยวน

ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2561 ศปอส.ตร. ได้รับการประสานจากสถาบันผู้จัดการสอบ เอซีที ที่โรงเรียนนานาชาติ สุขุมวิท ซอย 15 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ว่า ทางสถาบันผูจัดการสอบ เอซีที ได้การตรวจสอบผู้เข้าสอบ แล้วพบว่า ผู้เข้าสอบชาวจีน จํานวน 2 ราย คือ MR.HE LIU สัญชาติจีน อายุ 28 ปี และ MR.HUANG XIAOFAN สัญชาติจีน อายุ 39 ปีไม่สามารถตอบคําถามข้อมูลส่วนตัว ได้ตรงกับหนังสือเดินทางที่ใช้ในการแสดงตนเข้าสอบแต่อย่างใด จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตํารวจ ศปอส.ตร. เข้าทําการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางที่ชาวจีนทั้ง 2 ราย ใช้ในการแสดงตนเข้าสอบนั้น พบว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวมี ลักษณะพิรุธต้องสงสัยหลายประการ น่าเชื่อว่าจะเป็น หนังสือเดินทางปลอม อีกเช่นกัน เมื่อได้ทําการสอบถามผู้เข้าสอบชาวจีน ทั้ง 2 ราย รับว่า เป็นผู้รับจ้างสอบแทนผู้สมัครสอบตัวจริง ซึ่งมีลักษณะพฤติการณ์เดียวกันกับกรณีก่อน โดยหากตนสามารถสอบได้คะแนนผ่าน จะได้รับค่าจ้าง เมื่อสอบผ่านเป็น จํานวนค่าจ้าง 10,000 – 20,000 หยวน เช่นกัน เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ทําการตรวจยึดหนังสือเดินทาง จํานวน 2เล่ม ดังกล่าว ไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทําการตรวจสอบในเชิงลึกอีกทั้งเมื่อได้ทําการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า MR.HE LIU ยังมีหนังสือเดินทาง อีกจํานวน 8 เล่ม ซึ่งหนังสือเดินทางดังกล่าวมี ลักษณะพิรุธต้องสงสัยหลายประการ น่าเชื่อว่าจะเป็นหนังสือเดินทางปลอม อีกเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ทําการตรวจยึดหนังสือเดินทาง จํานวน 8 เล่ม ดังกล่าวไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทําการตรวจสอบในเชิงลึก

สอบถาม MR.HE LIU รับว่า ได้เคยใช้หนังสือเดินทางดังกล่าว ตระเวนรับจ้างสอบแทนในลักษณะเช่นเดียวกันในสนามสอบอื่นๆ อีกหลายประเทศซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทําเข้าลักษณะเป็นบุคคลต้องห้าม ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ2.2522 มาตรา 12 ( 7 ) จึงเชิญตัวผู้ต้องกัก ทั้ง 7 ราย ไปยัง กก.3 สส.สตม. เพื่อให้ทําการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

จากการสอบสวนปากคำเบื้องต้นผู้ต้องกักทั้ง 7 ราย ให้การรับสารภาพว่า พวกตนเดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางท่องเที่ยว จริงๆแล้วพวกตนได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อรับจ้างสอบภาษาแทนบุคคลอื่น โดยใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อแสดงตนเข้าสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ทําการตรวจสอบเชิงลึก หนังสือเดินทางซึ่งตรวจยึดไว้ ทั้งหมด 15 เล่ม ประกอบกับการตรวจสอบข้อมูลในสารบบของสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ปรากฏว่า หนังสือเดินทาง ทั้ง 15 เลม ดังกล่าวนั้น เป็นหนังสือเดินทางปลอมเจ้าหน้าที่ตํารวจ ศปอส.ตร. จึงได้ร้องทุกข์ให้ดําเนินคดีกับ MR.JIE WANG สัญชาติจีน อายุ 27 ปี, MISS.JIA LIN สัญชาติจีน อายุ 28 ปี , MISS.JUAN CHEN สัญชาติจีน อายุ 33 ปี , MISS.LI HUANG สัญชาติจีน อายุ 27 ปี และ MR.MICHAEL LI YAO สัญชาติอเมริกัน อายุ 30 ปี และ MR.HUANG XIAOFAN สัญชาติจีน อายุ 39ปี ในขอหา “ปลอมและใชหนังสือเดินทางปลอม , ปลอมและใช้รอยตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลง ตราสําหรับการเดินทางระหว่างประเทศปลอม , ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม และ ปลอมและใช้รอยตรา ของเจ้าพนักงานปลอม” และในส่วนของ MR.HE LIU สัญชาติจีน อายุ 28 ปี ซึ่งมีการตรวจยึดหนังสือเดินทางปลอม รวมจํานวน
9 เล่ม นั้น เจ้าหน้าที่ตํารวจ ศปอส.ตร. ได้ร้องทุกข์ดําเนินคดีในข้อหา “ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม , ปลอมและใช้รอยตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสําหรับการเดินทางระหว่างประเทศปลอม , ปลอมและใช้ เอกสารราชการปลอม , ปลอมและใช้รอยตราของเจ้าพนักงานปลอม และ มีไว้เพื่อจําหน่ายซึ่งหนังสือเดินทางปลอม ” ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สํานักงานตํารวจแหงชาติทําการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและสลับซับซัอน มีการนําเทคโนโลยีและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทําผิด รวมทั้งคดีที่บุคคลต่างชาติมีส่วนร่วมในการกระทําผิด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ และการกระทําผิดทางอาญาที่เป็นนโยบายสํานักงานตํารวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง.ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ มอบหมายให้ตนในฐานะหัวหน้าชุด ศปอส.ตร.ดำเนินการกวาดล้างขบวนการรับจ้างสอบภาษา และทําหนังสือทางปลอม และส่งคนเก่งภาษารับจ้างเข้าสอบแทนได้ยกแก๊งดังกล่าว

ภาพ/ข่าว/ ทีมข่าวตะลุยข่าว 4 ภาค รายงาน

 771 total views,  2 views today

You may have missed