กรณีศึกษาการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 2568” ของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา (กอจ.สงขลา) สอดคล้องกับหลักวิชาการโลกมุสลิม
โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

การจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 2568” ของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา (กอจ.สงขลา) ซึ่งมีภารกิจหลักในการจัดการศพมุสลิมตามหลักการศาสนาอิสลามในสถานการณ์มหาอุทกภัยหาดใหญ่ และเสนอแนวทางเชิงวิชาการเพื่อบูรณาการหลักชะรีอะฮ์เข้ากับข้อกำหนดด้านสาธารณสุขและกฎหมายไทย
กรณีศึกษา: กอจ.สงขลา และ “ศูนย์ประสานงานฯ 2568”
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 กอจ.สงขลาได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 2568” โดยมีมติเน้นภารกิจสำคัญที่สุดคือ “การจัดการศพ” ผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิมจากเหตุการณ์น้ำท่วม เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับหลักการศาสนาอิสลามได้อย่างถูกต้องและทันท่วงทีในภาวะฉุกเฉิน
อ.อับดุลหาลีม ล่าเต๊ะ เลขานุการและโฆษกศูนย์ฯ ได้ยืนยันว่า ภารกิจเร่งด่วนคือการอำนวยความสะดวกและประสานงานในการจัดการศพเมื่อได้รับการร้องขอจากญาติหรือผู้เกี่ยวข้อง ความเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมขององค์กรศาสนาในการสนับสนุนหลักศาสนกิจในภาวะวิกฤต

หลักการศาสนาอิสลามในภาวะภัยพิบัติ: ความจำเป็นและความเร่งด่วน
1. ความจำเป็นในการเร่งรีบ (หลักการศาสนา)
ซุนนะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เน้นย้ำให้ เร่งรีบในการฝังศพ (ญะนาซะฮ์) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิต
ท่านนบีกล่าวว่า: “จงเร่งรีบในการดำเนินการกับญะนาซะฮ์ (ศพ); หากศพนั้นเป็นคนดี ก็เป็นการนำความดีไปสู่เขาอย่างรวดเร็ว…”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
2. นิติศาสตร์อิสลามและภาวะฉุกเฉิน (ฟิกฮ์)
นักนิติศาสตร์มุสลิมร่วมสมัย (เช่น เชคยูซุฟ อัล-เกาะเราะฎอวีย์) ยึดหลักว่า “ความจำเป็นทำให้สิ่งที่ต้องห้ามเป็นที่อนุญาต” ซึ่งนำไปใช้ในกรณีพิธีศพช่วงภัยพิบัติได้ เช่น
- กรณีไม่สามารถอาบน้ำศพ (ฆุซลฺ): อนุญาตให้ใช้ ตะยัมมุม แทน
- กรณีไม่สามารถห่อศพได้สมบูรณ์: อนุญาตให้ห่อเพียงปกปิดเอาเราะฮ์
- กรณีจำเป็นสูงสุด: อนุญาตให้ ฝังศพหลายศพในหลุมเดียวกัน
การบูรณาการหลักชะรีอะฮ์เข้ากับกฎหมายและสาธารณสุขไทย
ภัยพิบัติก่อให้เกิดทั้งปัญหาแพทย์ นิติเวช และกฎหมาย จึงต้องมีการประนีประนอมให้สอดคล้องกับหลักชะรีอะฮ์และกฎหมายไทย
| ด้าน | ความท้าทายด้านสุขภาพ/กฎหมาย | การประนีประนอมตามหลักชะรีอะฮ์ |
|---|---|---|
| การระบุตัวตนและนิติเวช | ต้องตรวจและบันทึกข้อมูลก่อนฝังศพ | การเก็บข้อมูลต้องเร็วที่สุดและกระทบศพน้อยที่สุด เสร็จแล้วให้ดำเนินพิธีอาบน้ำและฝังได้ทันที |
| การป้องกันโรคระบาด | ศพอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อ | การฝังอย่างรวดเร็วเป็นทั้งหน้าที่ศาสนาและสาธารณสุข |
| การเก็บรักษาชั่วคราว | ต้องเก็บศพจนตรวจสอบเสร็จ | ต้องมีพื้นที่แยกส่วน ให้เกียรติ และเหมาะสมตามหลักศาสนา |
ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติงานในหาดใหญ่
- ระเบียบคัดแยกสองทาง: จำแนกศพเบื้องต้น (มุสลิม/ไม่ใช่มุสลิม) เพื่อส่งต่อหน่วยที่รับผิดชอบได้ทันที
- ศูนย์สนับสนุนอิสลามแบบบูรณาการ: มี OPC ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญมุสลิม เช่น อิหม่าม อาสาสมัครอาบน้ำศพ
- การอำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย: เร่งออกใบอนุญาตการฝังศพและลดขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็น
สรุป
การบูรณาการหลักชะรีอะฮ์อิสลามเข้ากับระเบียบปฏิบัติในการจัดการภัยพิบัติ เช่นกรณีของกอจ.สงขลา เป็นความจำเป็นด้านมนุษยธรรมและสาธารณสุข ความสมดุลระหว่าง ความรวดเร็วในการฝังศพตามหลักศาสนา และ การบันทึกข้อมูลทางกฎหมายที่เพียงพอ คือกุญแจสำคัญในการรักษาศักดิ์ศรีของผู้เสียชีวิต เยียวยาจิตใจครอบครัว และปกป้องสุขภาพของสังคมในภาวะวิกฤต
1,854 total views, 14 views today

More Stories
สภานักวิชาการมุสลิมแห่งประเทศไทย: ก้าวสำคัญสู่ “ศูนย์กลางอิสลามศึกษาแห่งภูมิภาค”
ความสำคัญของการจัดศพมุสลิมในภาวะวิกฤต: บทเรียนจากมหาอุทกภัยใต้และการรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
เขียนแด่ สส. กัณวีร์ สืบแสง: ภารกิจ “มนุษยธรรมนำการเมือง” ที่ไม่จบลงด้วยตำแหน่ง หลังถูกปลดจากพรรคเป็นธรรม