อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

อำเภอจะนะ, จังหวัดสงขลา – 30 พฤศจิกายน 2568
สถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ยังคงวิกฤต โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา ที่หลายพื้นที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดในวันนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ศูนย์กลางความสนใจและความช่วยเหลือจะมุ่งไปที่พื้นที่วิกฤตหนักอย่างอำเภอหาดใหญ่เป็นหลัก แต่กลับทิ้งให้ชุมชนในอำเภอจะนะและอำเภอใกล้เคียงจำนวนมากยังคงรอคอยความช่วยเหลืออย่างจำกัด

เสียงสะท้อนจากคนในพื้นที่: “การช่วยเหลือที่ อ.จะนะ ยังน้อยมาก”
มีรายงานการสะท้อนความรู้สึกและข้อสังเกตจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่และเครือข่ายภาคประชาชนหลายราย โดยมีเพื่อนของผู้เขียนรายงานท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า “ผมมองว่าการช่วยเหลือที่ อ.จะนะ ยังน้อยมากจากภาคส่วนต่างๆ หลายโรงเรียนต้องอาศัยเครือข่ายที่มีเข้าช่วย ทุกคนมุ่งเป้าการช่วยเหลือไปที่หาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งหนักมากจริงๆ แต่ใน อ.จะนะ ยังมีอีกหลายชุมชนที่รอการเข้าถึงและช่วยเหลือ สงสารชาวบ้าน สงสารหลายๆ โรงเรียน หลังน้ำลดคงต้องออกแบบการฟื้นฟู เยียวยาจิตใจกันดีๆ ในสรรพกำลังที่มี…”
ข้อสังเกตดังกล่าวได้รับการยืนยันจากอีกท่านที่กล่าวอย่างเศร้าใจว่า “สงสารคนจะนะ-เทพา ความช่วยเหลือเกือบทุกอย่างไปกองอยู่ที่หาดใหญ่” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการกระจายความช่วยเหลือในสถานการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้
วิกฤตน้ำท่วมเผย “วิกฤตฝีมือมนุษย์” และการบริหารจัดการที่ล้มเหลว
ในขณะที่ประชาชนและภาคประชาสังคมกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือกันเอง บาบอฮุสณี บินกหยีควเนาะ ผู้ก่อตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนศาสนบำรุง ได้แสดงความเหนื่อยหน่ายต่อการบริหารจัดการภาครัฐอย่างรุนแรง
“เหนื่อยใจกับรัฐล้มเหลว” บาบอฮุสณีกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า “ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เราเห็นเพียงระดับน้ำ แต่ทำให้เราเห็น ระดับกึ๋นปัญญาของคนของรัฐ ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน-ท้องถิ่น-อำเภอ-จังหวัด และรัฐบาลอย่างชัดเจน… มันทำให้วิกฤตธรรมชาติกายเป็น วิกฤตฝีมือมนุษย์โดยไม่จำเป็น…”
เขาตั้งคำถามถึงความพร้อมและประสิทธิภาพในการรับมือกับวิกฤตของผู้นำทุกระดับอย่างเผ็ดร้อน โดยสรุปว่า “ในที่สุดประชาชนก็ต้องถามว่า บทเรียนของผู้นำมีวันจบคอร์สหรือไม่? ประเทศนี้ไม่ขาดผู้นำแต่ขาดการบริหารวิกฤติอย่างมืออาชีพ”

การพึ่งพาตนเองและเครือข่าย
รายงานระบุว่า ในภาวะที่ความช่วยเหลือจากหน่วยงานหลักยังไปไม่ถึง หลายชุมชนและโรงเรียนในอำเภอจะนะต้องอาศัยการสนับสนุนจาก “เครือข่ายที่มี” ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายศิษย์เก่า เครือข่ายศาสนา หรือองค์กรภาคประชาสังคม ที่เข้ามาบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรวมพลังของคนในท้องถิ่นเพื่อพยุงสถานการณ์ไว้
อนาคต:
หลังสถานการณ์คลี่คลายลง ผู้ประสบภัยในอำเภอจะนะจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่และโครงสร้างพื้นฐานอีกครั้ง ซึ่งผู้สังเกตการณ์ต่างเรียกร้องให้มีการวางแผน “การฟื้นฟู เยียวยาทั้งวัตถุและจิตใจโดยเฉพาะการศึกษาซึ่งจะนะ เป็นเมืองการศึกษาทั้งรัฐ เอกชน ทั้งสามัญและศาสนา” อย่างรอบด้านและเข้าถึงทุกพื้นที่อย่างเป็นธรรมในระยะต่อไป
1,381 total views, 13 views today

More Stories
เงินเยียวยาศพ (มุสลิม) 2 ล้านบาท แนะ สำนักจุฬาราชมนตรีเร่งออกฟัตวาเป็นลายลักษณ์อักษร
โรงเรียนสอนศาสนา ดารุสสาลามฯ นราธิวาสยื่นมือช่วย ปอเนาะโคกยาง จะนะ หลังอุทกภัยรอบ 100 ปี จะนะ
มหาอุทกภัยจะนะรอบ 100 ปี “กระทบกับคนทั้งอำเภอ”: บทเรียนราคาแพงจาก “พื้นที่รับน้ำ” ที่ถูกถมทิ้ง พร้อมบทสะท้อนทำไม คนจะนะจึงคัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐตลอด