ธันวาคม 7, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ข้อสังเกต “บทเรียนน้ำท่วมจากแดนใต้กับมาเลเซีย”: การจัดการน้ำท่วม…เมื่อ NADMA ก้าวสู่แนวหน้า

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

     เมื่อกล่าวถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “น้ำท่วม” ที่เป็นวาระซ้ำซากของภูมิภาคอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียมักแสดงให้เห็นถึงการรับมือที่เป็นระบบและรวดเร็ว จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึง แม้แต่ในหมู่คนไทยเองก็ตาม

     หัวใจสำคัญของการจัดการนี้อยู่ที่หน่วยงานหลักอย่าง สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (National Disaster Management Agency – NADMA) ซึ่งมีบทบาทโดดเด่นและเป็นผู้นำในการบัญชาการสถานการณ์อย่างชัดเจน

     ขณะที่ประเทศไทยมี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DDPM) ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง แต่ในห้วงเวลาวิกฤต ภาพที่เรามักเห็นกลับเป็นพลังของ จิตอาสา และ ประชาชน ที่ก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าเสียเป็นส่วนใหญ่

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ:
เหตุใด DDPM ซึ่งเป็นหน่วยงานตรงสาย จึงยังไม่สามารถเป็น “หน่วยงานหลัก” ในการจัดการภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับ NADMA ของมาเลเซีย?


เมื่อพายุมาเยือน…บทบาทที่แตกต่างของผู้นำ

1. การแจ้งเตือนที่ชัดเจนและเป็นทางการ
     เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยามาเลเซีย (MET Malaysia) ตรวจพบพายุโซนร้อน การสื่อสารกับสาธารณชนก็เกิดขึ้นทันที โดยระบุตำแหน่ง ความเร็ว และผลกระทบอย่างละเอียด พร้อมแนะนำให้ประชาชนติดตามข้อมูลผ่านช่องทางที่เป็นทางการทั้งหมด การสื่อสารล่วงหน้าและเป็นเอกภาพนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งในการเตรียมความพร้อมของพลเมือง

2. ผู้นำระดับสูงที่บัญชาการด้วยตัวเอง
     ในสถานการณ์ที่น้ำท่วมรุนแรงและมีผู้อพยพนับหมื่น บทบาทของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้ระหว่างการเดินทางต่างประเทศก็ยังสั่งการให้รายงานความคืบหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และกำชับให้ทุกหน่วยงานระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย การสั่งการรายวันเช่นนี้สะท้อนถึง การให้ความสำคัญในระดับนโยบายสูงสุด และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

3. NADMA ในฐานะผู้ประสานงานหลัก
     ภายใต้การบัญชาการของผู้นำระดับสูง NADMA และทีมป้องกันอุทกภัยภายใต้รองนายกรัฐมนตรีได้ระดมทรัพยากรเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชน การทำงานที่เป็นระบบและเน้น “มาตรการเร่งด่วน และการดำเนินการทันท่วงที” ตามที่นายกฯ อันวาร์ระบุ แสดงถึงโครงสร้างที่ รวมศูนย์ (Centralized) ทำให้การตัดสินใจและปฏิบัติการในสนามรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ


คำถามที่ไทยต้องตอบ: DDPM หายไปไหนในยามวิกฤต?

     ตรงกันข้าม เมื่อภัยพิบัติเกิดในไทย ชื่อของ DDPM มักไม่ถูกกล่าวถึงทันทีในฐานะผู้บัญชาการหลัก แต่ภาพที่เห็นคือการระดมพลของ จิตอาสา มูลนิธิ และหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งดีในแง่น้ำใจ แต่สะท้อนคำถามด้านการบริหารจัดการระดับชาติ

     อะไรคือสาเหตุที่ DDPM ซึ่งมีทั้งอำนาจตามกฎหมาย ทรัพยากร และบุคลากร กลับไม่สามารถทำงานเช่นเดียวกับ NADMA ที่อยู่แนวหน้าและได้รับคำชมอย่างต่อเนื่อง?


วิเคราะห์เบื้องต้น (เพราะอะไรนะ?)

• การรวมศูนย์อำนาจ (Centralization)
     แม้ DDPM จะมีโครงสร้างและอำนาจ แต่การทำงานจริงอาจไม่ได้รวมศูนย์การสั่งการอย่างแท้จริง หน่วยงานต่าง ๆ ยังทำงานแบบแยกส่วน และ DDPM ไม่ได้เป็นผู้สั่งการสูงสุดในทุกสถานการณ์

• การสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่น
     NADMA โดดเด่นด้านการสื่อสาร ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงบทบาทและแผนงานของรัฐ ส่วน DDPM กลับมีบทบาทที่ เงียบ ทำให้ประชาชนไม่เห็นภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ

• ความพร้อมในการเผชิญเหตุ (Preparedness)
     คำกล่าวของนายกฯ มาเลเซียที่ว่า “รัฐบาลเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน” ชี้ว่ามีการลงทุนด้านความพร้อมอย่างจริงจัง ทั้งการฝึกซ้อมและการจัดหาทรัพยากรล่วงหน้า การจัดการภัยพิบัติเกิดขึ้นตั้งแต่การเตรียมตัว ไม่ใช่เมื่อเหตุการณ์เริ่มขึ้น

“เป้าหมายแรกของเรา คือ มาตรการเร่งด่วน และการดำเนินการทันท่วงที เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” – อันวาร์ อิบราฮิม


     การจัดการน้ำท่วมไม่ใช่เพียงการช่วยเหลือหลังเหตุการณ์ แต่ต้องมี การบัญชาการที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเตือนภัย การเตรียมความพร้อม และการระดมทรัพยากร บทเรียนจากมาเลเซียจึงเป็นสิ่งที่ไทย โดยเฉพาะ DDPM ควรนำไปทบทวนอย่างเร่งด่วน เพื่อก้าวข้ามจากการพึ่งพา “น้ำใจ” สู่การจัดการโดย “มืออาชีพ” อย่างแท้จริง


หมายเหตุ

      ตามการสืบค้นพบว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DDPM) มีอำนาจหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ให้เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการพิจารณาดำเนินการด้านภัยพิบัติ


อำนาจและหน้าที่หลักของ DDPM

ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ฯ ครอบคลุมงานจัดการภัยพิบัติ 3 ระยะ: ก่อนเกิดภัย, ขณะเกิดภัย, หลังเกิดภัย

1. การวางแผนและนโยบาย (Planning and Policy)
• จัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
• จัดทำนโยบาย แนวทาง และมาตรการด้านสาธารณภัย

2. การศึกษา วิจัย และพัฒนา (Research and Development)
• ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาระบบป้องกัน เตือนภัย และบรรเทาภัย
• สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลด้านสาธารณภัยและพื้นที่เสี่ยงภัย

3. การเฝ้าระวังและเตือนภัย (Monitoring and Warning)
• เฝ้าระวัง รับแจ้งเหตุ และแจ้งเตือนภัยตลอด 24 ชั่วโมง
• ประเมินและรายงานระดับความรุนแรงขั้นต้น

4. การปฏิบัติการและให้ความช่วยเหลือ (Operations and Assistance)
• ปฏิบัติการและประสานงานช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ
• สงเคราะห์เบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย
• บริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว

5. การส่งเสริมและฝึกอบรม (Promotion and Training)
• แนะนำ ให้คำปรึกษา และอบรมเกี่ยวกับการป้องกันสาธารณภัย
• จัดทำแผนความเสี่ยงภัยและแผนอพยพ
• ฝึกซ้อมตามที่กฎหมายกำหนด
• ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น อปพร.


การปฏิบัติการในพื้นที่

DDPM มีโครงสร้างสนับสนุนระดับจังหวัดและภูมิภาค ได้แก่:

ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต — ทำงานในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด — กำกับและสนับสนุนการปฏิบัติการในจังหวัด

 11,560 total views,  2 views today

You may have missed