หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การจัดกิจกรรมเริ่มกลับมาอีกครั้ง อย่างเมื่อ12 พค.ที่ผ่านมา กลุ่มสื่อมวลชน เลขาชมรมภาคีสถาปัตย์ปัตตานี ผู้นำท้องถิ่น ศิลปิน จำนวน 40 คนได้ร่วมกิจกรรมรวมตัวกัน เดินชมแหล่งวัฒนธรรม “แลถิ่น ท่องอารยธรรม#1” ซึ่งมีนายสมมารถ บารา นายอำเภอสายบุรีมาร่วมงานด้วย
“Wander Thru the Radiance 1”
เป็นการเชื่อมโยงโดยการนำชมเรือนมลายูทรงคุณค่าสำคัญหลังหนึ่ง ซึ่งอดีตคือบ้าน แบเอกลักษณ์คนมลายูปัตตานี ของกูรูกริชสกุลช่างปัตตานี ท่านสุดท้าย เป็นการศึกษาเพื่ออนุรักษ์ไว้ และสร้างพื้นที่ให้เป็นแหล่งศูนย์เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ด้านศิลปะท้องถิ่น ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต่างเดินทางเข้ามาร่วมกันจำนวนมาก
ฟังเรื่องเก่า เล่าอดีต บ้านช่างกริช โดย นาย บรอเฮง ดอมะ นายกเทศบาลตำบลเตราะบอน อ.สายบุรีจ.ปัตตานี เขาเป็นผู้หนึ่ง ที่เข้าใจลึกซึ้งกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มลายูและของดีในท้องถิ่นอำเภอสายบุรีมายาวนาน ในอดีตเขาเคยผ่านงานผู้ช่วยวิจัย นายปีแอร ลี โรค นักผลิตสื่อสารคดีชาวฝรั่งเศษ ช่วยสืบเสาะหาข้อมูลรกรากวัฒนธรรมเดิมของท้องถิ่น เมื่อประมาณช่วง 26 ปีก่อน และเขาเองยังเป็นหลานของ อจ. ช่างเจ๊ะเฮง และเซ็งชางกริชแห่งสกุลช่างปัตตานีด้วย
เขาเปิดเผยว่าสายบุรีมีของดีอยู่มาก เพราะเคยเป็นหัวเมืองใหญ่และ เป็นจังหวัดเก่ามาก่อนในสมัย 7 หัวเมือง เมืองสายบุรีมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นเหมือนดังเมืองน้องควบคู่กันกับสมัยนครรัฐปัตตานี ที่นี่จึงเป็นแหล่งโบราณที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่มีความหลากหลายด้านอารยธรรมวัฒนธรรม มากที่หนึ่ง ของผู้คนทั้ง 3 ศาสนา ทั้งคนจีนคนพุทธ และอิสลามที่มีประชากรมากกว่าเพื่อน ทว่าคนในปัจจุบัน บริบทเปลี่ยนไป สิ่งเดิมๆที่เคยมีอยู่ ศิลปวัฒนธรรมเดิมๆที่ปู่ย่าตายายได้สร้างมานั้น หลักฐานต่างๆ เริ่มสูญหายไปจากสายบุรี ทีละอย่างสองอย่างไปเรื่อยๆแล้ว ผมจึงคิดว่าเราคงจะต้องทำบางอย่าง ให้วัฒนธรรมกลับมาอีกครั้ง เราน่าจะผลักดันให้มีพิพิธภัณฑ์ หรือศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาตร์ ขึ้นมาสักแห่งในสายบุรี
มาดูพื้นที่นี้มีความสำคัญอย่างไรบ้างนะหรือ ในอดีต ช่างเจ้ะเฮง และเซ็ง เป็นช่างที่มีชื่อเสียงและเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำกริชอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันเป็นงานที่หาช่างได้ยากมากๆ ส่วนตัวกริชเอง ที่่ผ่านการผลิต การตีในแบบโบราณดั้งเดิมเป็นสิ่งหายากเอามากๆ และยังเป็นที่ต้องการของตลาดนักสะสมของเก่าจำนวนมาก การทำกริชแต่ละเล่มนั้นใช้เวลายาวนานนาน เพราะต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่างและยุ่งยาก บางเล่ม.5 เดือนถึง10ปี ก็เคยมี แต่บางเล่มกลับตีเสร็จภายในวันเดียวก็มี
ประวัติความเป็นของกริช ว่าเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด บ้างก็ว่ากริชเกิดขึ้น ในประเทศอินเดียก่อน เดิมมีลักษณะไม่ได้คดทำจากเขาเลียงผาชนิดหนึ่ง บ้างก็ว่าชาวมลายูจำลองรูปกริชจากเขี้ยวเสือ บ้างก็ว่ากริชเริ่มปรากฏมีในประเทศอินโดนีเซียหรือชวาสมัยอิเหนา หรือ ปันหยี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2460 แต่หลักฐานเก่าแก่ที่พบ ณ เทวสถานแห่งหนึ่ง มีอายุเก่าแก่ราว 600 ปี เท่านั้น สำหรับในประเทศไทยนั้น มีปรากฏในจดหมายเหตุ ของลาลูแบร์ ชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประมาณ พ.ศ. 2236 กล่าวถึงอาวุธของไทยว่า มีกริชรวมอยู่ด้วย
ชาวมลายูในอดีตจนถึงปัจจุบันเล่าต่อๆกันมาแต่บรรพบรุษว่า ถือว่านักรบผู้ใดถือกริชหลายคด ผู้นั้นนับเป็นเป็นนักรบผู้ยิ่งยง และมีอำนาจเหนือกองทัพ มีคมสองคมใช้สำหรับฟันด้วยก็มี มีด้ามขนาดสั้นพอเหมาะ ในการจะกำไว้ในมือได้สะดวก ด้ามและฝักมักแกะสลักเป็นรูปและลวดลายต่างๆ อย่างสวยงาม บางด้ามประดับด้วยเงิน ทองหรือทองแดง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานะผู้เป็นเจ้าของเป็นประการสำคัญ
กริชเป็นอาวุธประจำตัว ที่เคยนิยมใช้กันในภาคใต้ตลอดไปจนถึงชวา มาเลเซีย และประเทศใกล้เคียง เคยเป็นอาวุธประจำชาติของชวา และมาเลเซีย รวมทั้งถูกจัดอยู่ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์อย่างหนึ่ง ของพระมหากษัตริย์ ของทั้งสองประเทศมาก่อน กริช นอกจากจะเป็นอาวุธสำคัญแล้ว ยังเป็นเครื่องบ่งถึงความเป็นชายชาตรี บ่งถึงฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ และยศฐาบรรดาศักดิ์ ผู้เป็นเจ้าของหรือวงตระกูลด้วย กริชถือเป็นของสำคัญ สามารถใช้แทนตัวเจ้าบ่าว ที่ติดภาระกิจอื่นได้และจะได้รับการพกพาติดตัวตลอด แม้แต่เวลาอาบน้ำหรือเข้านอน
การมาศึกษาดูพื้นที่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทราบถึงขั้นตอนการผลิตกริชเท่านั้น บ้านเรือนมลายู หลังนี้ก็ยังเป็นเรือนโบราณที่ทิ้งงานศิลปะไว้อย่างสวยงาม เคยตระหง่านผ่านระยะเวลามาถึง ร้อยปีแล้วด้วย
ในกิจกรรมวันนี้มีการเก็บถ่ายภาพ มุมต่างๆของเรือนหลังนี้เพื่อจะนำไปถอดแบบในอนาคต หรือสร้างโมเดล คนยุคสมัยใหม่ก็อาจนำไปสร้างใหม่หรือต่อยอดได้ ซึ่งได้นาย อารีฟีน ฮายีฮัสซัน ดีไซเนอร์เครื่องประดับนำภาพศิลปตกแต่งบ้านหลังนี้ที่ได้ไปใช้ออกแบบในลวดลายเครื่องประดับต่อไป ,เขมะจิตต์ นิวาศะบุตร ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท บ้าน selamat home ที่พึ่งจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดปัตตานี ก็ได้เข้าร่วมพร้อมกับภรรยาและคุณแม่มาชมศึกษางานลวดลายศิลปและเก็บภาพถ่ายนำไปศึกษาต่อไปด้วยเพราะเป็นคนที่ชื่นชอบงานท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
สำหรับกิจกรรมการวาดภาพครั้งนี้ได้ครูแวอารง แวโน้ะ ศิลปินประธานกลุ่มเซาท์ฟรีอารท ที่ได้ตระเวณวาดงานศิลปเพื่อสาธารณะประโยชน์ในพื้นที่ แสดงงานผ่านภาพวาดเชิงสันติภาพ ได้มาลงเก็บภาพสีน้ำสะบัดฝีแปรง ถ่ายทอดผลงานได้อย่างรวดเร็วและเมามันส์ ในเวลา 2 ชั่วโมงได้มาถึง 2 ภาพด้วยกัน
และน้องซการียา ดือเระ คนรุ่นใหม่ ลงมือวาดภาพเป็นลายเส้นปากกาดำ บนพื้นกระดาษขาว เขากล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้มาลงสนามวาด งานพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นงานแรก เพราะว่าส่วนใหญ่จะไปนั่งวาดยามว่าง อยู่คนเดียว หรือไม่ก็วาดเก็บตามภาพถ่ายที่โพสกันผ่านเฟสบุ้ค
โดยเฉพาะครั้งนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนเข้ามาร่วมสังเกตุการณ์อีกด้วยผมนั่งวาดงานครั้งนี้ไม่เพียงบันทึกร่องรอยการดำรงอยู่ของเรือนหลังนี้เท่านั้น ยังถือเป็นการส่งต่อจากคนรุ่นก่อนให้เราได้ทราบความตั้งใจรูปแบบผมรู้สึกได้ว่า บ้านอายุร้อยกว่าปีหลังนี้ผ่านการสร้าฝมายาวนานและสร้างด้วยพลังผ่ทนการเลื่อยมือ การใช้เครื่องมือของช่างสมัยนั้น เช่นการหล่อปูนเพื่อสร้างความสวยสง่าที่บนลวดลายที่หน้าจั่ว ก็รู้สึกถึงความปราณีตและความวิจิตรบรรจง งานครั้งนี้ผมหวังว่า เพื่อบันทึกนำไปถอดแบบ และเรียนรู้ประวัติ และวิถีชีวิตของกูรูกริชศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ สุกุลช่างกริชแห่งปัตตานีคนสุดท้าย ให้น้องๆ นักศึกษา หรือผู้สนใจ นำไปต่อยอดต่อไปครับ
ด้านนายสุกรี มะดากะกุล อดีตเลขาชมรมภาคีสถาปัตยกรรมปัตตานี ผู้ริเริ่มกิจกรรมนี้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้เรื่องวัฒนธรรมมีค่ามีความหมายแตกต่างกัน ในมุมมอง ของคนเจนเนอเรชั่นรุ่นใหม่ๆ การจัดกิจกรรมแบบนี้ ควรปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่ได้รับทราบบ้างว่าพวกเขามีงานศิลปวัฒนธรรมที่ผ่านกาลเวลามาแต่อดีตจากคนรุ่นก่อน รุ่นปู่ย่าตายาย และพื้นที่ชายแดนใต้แห่งนี้เป้นพื้นที่ที่มีอารยธรรมมาแต่โบราณ ตั้งแต่ยุคลังกาสุกะ มัชปาหิต ปาตานียุคกรือเซะ และปัตตานีช่วงมณฑลจนมาถึงปัตตานีปัจจุบัน บางคนถามหาปัญหาถึงความไม่สงบและมักโยนเป็นข้ออ้างว่า ทำไปก็ไม่น่าสนใจ เป็นพื้นที่ด้อยพัฒนา เพราะไม่มีใครมาดู เป็นพื้นที่สุดขอบ ผมว่าความคิดในแง่ลบแบบนี้น่าจะทิ้งไปได้เแล้ว และมาช่วยกันหาทางอนุรักษ์นิยมไว้จะดีกว่า มีงานศิลปะ local อีกหลายๆงาน ที่ยังทำประโยชน์ และเชื่อว่าสามารถสร้างงานสร้างรายได้อึกหลายแขนง เช่นการผลิตกริชตายงสกุลช่างปัตตทนี ซึ่งงานศิลปที่ทำยากๆเหล่านี้ ยังเป็นที่ต้องการมากๆของคนชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย และกลุ่มชาวตะวันตก ถ้าเราลองใช้เทคนิคใหม่ๆ นำประยุกต์ใช้ น่าจะผลิตได้ทันใจ เรายังมีงานประเภทอาหาร และงานศิลปะอื่นๆที่ไม่ถูกยกให้ทันสมัยให้ไปปรับและยังคงประยุกต์ใช้ หรือขายได้ในอนาคต ผมว่าเราขาดคนเจนเนอเรชั่นใหม่ๆนี้แหละที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ ผมเพียงแค่ต้องการสร้างการตระหนักรู้ให้กับพวกเขา และเปิดโอกาสให้พวกเขานำไปต่อยอดให้เหมาะกับเขาเอง และหวังว่าจะได้ประโยชน์จากงานศิลปะเหล่านี้ ส่วนภาพที่ได้วันนี้เราได้มา2 ภาพ ผมจะนำไปประมูลให้ผู้สนใจได้ไป และนำรายได้มาลงที่นี่เพื่อสร้างเป็นแหล่งสถานที่เรียนรู้ต่อไปครับ
40,811 total views, 6 views today
More Stories
เลขาฯ รมต.ยุติธรรม ชี้ มหกรรมแก้หนี้ ปลดหนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม แก้ปัญหาหนี้สิน 242 ล้าน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการ วิทยาลัยการอาชีพเบตง
เทศบาลเมืองปัตตานีจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อยอดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี