ศอ.บต. MOU กับ BCL และ มอ.ช่วยเหลือกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบและกลุ่มเปราะบาง จชต.

แชร์เลย

(6 ก.ย. 64) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.นิกร วัฒนพนม ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิเพื่อการพัฒนาผู้นำธุรกิจและชุมชน (BCL) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทวีศักดิ์ นิยมบัณฑิต รักษาการแทนคณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และดร.นฤมล พฤกษา หัวหน้าสาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ พร้อมทั้ง นายกิติศักดิ์ ปิยะพัฒนา ตัวแทนสถานประกอบการในพื้นที่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและครบวงจรแก่กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการให้การศึกษา ฝึกอบรมและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าสู่อาชีพ การมีงานทำและมีรายได้ที่เหมาะสมและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม 260 อาคาร 2 ชั้น 2 คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

ด้าน เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวถึงกรณีการดำเนินการ MOU ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ว่า เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ได้รับผลกระทบและกลุ่มเปราะบางที่อาศัยอยู่ใน จชต. ในการเปิดโอกาสให้มีความเสมอภาคในการศึกษา รวมถึงเป็นการสร้างและบ่มเพาะการเป็นเกษตรกร คิดเป็น ทำเป็น มีความรู้สามารถนำมาประกอบอาชีพทำให้มีรายได้และพัฒนาให้เกิดการสร้างจิตวิญญาณของผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจการดำเนินงานของ ศอ.บต. ที่ผ่านมาที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดทำโครงการ ลงพื้นที่ เพื่อพัฒนา และมุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ศอ.บต.พร้อมที่จะร่วมกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ จชต.ในทุกมิติ
โอกาสนี้ เลขาธิการ ศอ.บต.ยังได้หารือร่วมกันด้านการแลกเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางการทำงานเพื่อพัฒนาประชาชน จชต.โดยมีประเด็นจะร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนพื้นที่ จชต. ในการประกอบอาชีพโดยเน้นด้านการเกษตรในทุกมิติ ซึ่งพื้นที่ จชต.มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสมที่จะสนับสนุนพื้นที่ให้เกิดเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง รวมถึงขับเคลื่อนให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้การเกษตรจากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำแบบครบวงจรอีกด้วย
สำหรับการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 3 ฝ่าย จะร่วมกันดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าร่วมโครงการ จัดตั้งและบริหาร “กองทุนสนับสนุนการฝึกอบรมเพื่อการมีงานทำ” ร่วมกัน และออกแบบพัฒนาหลักสูตรจัดการเรียนการสอน จัดอบรมให้ความรู้ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติเพื่อพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตลอดจนคัดเลือกสถานประกอบการเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เข้าฝึกปฎิบัติจริง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต โดยการอบรมจะเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป ตลอดจนครบหลักสูตรและแผนการฝึกอาชีพดังกล่าวด้วย