ศาสนวิทยากรบางคนอ่อนไหวอย่างยิ่งเมื่อคนทำงานศาสนาด้วยกันวิพากษ์วิจารณ์การเมือง
เพราะในสายตาของพวกเขา ศาสนาต้องแยกจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง !!!
แนวคิดลักษณะนี้ ไม่ได้มีที่มาทั้งจากอัลกุรอานและซุนนะฮ ซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดหลักของบทบัญญัติต่าง ๆ ในอิสลาม
อัลกุรอานกลับพูดถึงทั้งบทบาทหน้าที่ของผู้นำและผู้ตาม พร้อมวางบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ครอบคลุมวิถีชีวิตผู้คนอย่างบูรณาการ ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องใช้การเมืองที่เข้มแข็งมาบริหารจัดการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ขององค์ผู้บัญญัติ
หาไม่แล้ว ทั้งหมดก็เป็นได้แค่อักษรที่ถูกจดจารเป็นคัมภีร์โดยไม่มีผลต่อการกำหนดวิถีชีวิต
ศาสนทูตจึงต้องเป็นทั้งผู้เผยแผ่คัมภีร์พร้อมทั้งต้องบริหารจัดการสังคมไปด้วย นั่นก็หมายความว่าบทบาทด้านหนึ่งของศาสนทูตคือการเป็นนักการเมืองนั่นเอง
แต่การสอนว่าศาสนาต้องไม่ยุ่งการเมือง ได้ทำให้เกิดความย้อนแย้งอย่างยิ่งในวิถีชีวิตมุสลิม
คนกลุ่มที่สอนไม่ให้ยุ่งการเมือง ในความเป็นจริงก็กำลังดำเนินการทางเมืองในกลุ่มของตนเอง เป็นการเมืองของ”การไม่ยุ่งการเมือง”
การเมืองที่ไม่ยุ่งกับการเมืองเป็นสาเหตุหนึ่งของการได้คนเลวมาปกครองประเทศ ซึ่งย้อนแย้งอย่างยิ่งกับคำสอนอิสลามที่ให้ส่งเสริมคนดี ยับยั้งคนเลว
ในสถานการณ์โควิด 19 ระบาด การเมืองที่ไม่ยุ่ง
การเมืองก็สร้างภาวะการขัดขืนมาตรการป้องกันโควิด 19 ขึ้นในกลุ่ม โดยมองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องของการเมือง
การขัดขืนนำมาซึ่งการแพร่เชื้อครั้งใหญ่ใน 12 จังหวัด
การเมืองที่ไม่ยุ่งการเมืองแบบนี้ นับแต่อดีตถึงปัจจุบันแทบไม่ได้ทำให้สังคมมุสลิมเข้มแข็งขึ้นแต่ประการใด
14,011 total views, 4 views today
More Stories
“พี่ลม้าย”ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้(คนใหม่)สานต่องานเก่า ต่อยอดงานใหม่”นับเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ดำรงตำแหน่งนี้ในรอบ 13 ปี
วันนอร์-ทวี”ลงพื้นที่มูโนะ จี้สอบ “จนท.ละเลย” หรือไม่ แนะเยียวยา “กรณีพิเศษ”
แม่ทัพภาคที่ 4 กำชับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหูเป็นตา แนะนำ ชี้แนะ ส่งเสริมสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง ให้แก่เยาวชน เพื่อต่อยอดความคิดและพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมแจงคืบหน้าพูดคุยสันติสุข จชต