”สมมุติ’”ส.ส.ปัตตานี ตัวแทนพรรคประชาชาติและตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน ขอให้รัฐช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และจัดการบริหารนำ้อย่างเป็นระบบเพื่ออนาคต“ผ่านสภาฯ

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัดและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ญัตติการปรึกษาหารือ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปัตตานี เขต 4 พรรคประชาชาติ ได้หารือประธานสภาผู้แทนราษฎรเรื่องน้ำท่วมใหญ่ที่ปัตตานี และจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของหน่วยงานภาครัฐหรือไม่ หลังน้ำลดปรากฎความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยในจังหวัดปัตตานี 8 อำเภอ พบว่ามีความเสียหายจำนวนมาก พี่น้องประชาชนได้สะท้อนความรู้สึกว่า สังคมมุสลิมถูกสอนให้ยอมรับในการกำหนดสภาวการณ์จากพระเจ้าแต่มิได้หมายความว่าไม่ให้ฝึกฝนหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อการกำหนดสภาวการณ์ที่ดีกว่า หรือใช่ว่าจะพึงพอใจรับสภาพที่เกิดขึ้นโดยอ้างชะตาลิขิตจากพระเจ้าอย่างเดียว โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการที่หย่อนยานหรือการประมาทเลินเล่อ

นายสมมุติ กล่าวอีกว่า ไม่ว่าน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จะเกิดจากสาเหตุใด เราจะร่วมกันแก้ปัญหา จึงขอเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่าให้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วนด้วยความยุติธรรมต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ และปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ช่วยกันระดมความช่วยเหลือกันอย่างล้นหลาม
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และเลขาธิการพรรคประชาชาติให้ทัศนะว่า “ส.ส.ประชาชาติของเราทุกคนได้ลงพื้นที่ ช่วยเหลือประชาชนพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆซึ่งเราได้รวบรวมข้อเสนอแนะดังกล่าวสะท้อนผ่านสภาผู้แทนราษฏรรวมทั้งเห็นด้วยอย่างที่จะนำวาระ การบริหารจัดการนำ้ จะต้องให้ประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นได้ร่วมบริหารจัดการน้ำเนื้องจากปัญหาในแต่ละภูมิภาค และพื้นที่ของประเทศต่างกัน ภูมิปัญญาในการจัดการน้ำได้สะสมเป็นองค์ความรู้ของท้องถิ่น และต้องบริการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ครบวงจร เป็นวาระแห่งชาติของภาคใต้และชายแดนภาคใต้ “

จากการนำเสนอผ่านสภาฯครั้งนี้ประชาชนมีความหวังสองประการคือความหวังระยะสั้นที่จะได้รับการชดเชย เยียวยา ฟื้นฟูหลังนำ้ท่วม(โจทย์ใหญ่)
การชดเชย เยียวยา ฟื้นฟูว่า จะแจกเงินตามระเบียบของกระทรวงการคลัง หน่วยงานเขื่อนบางลาง หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไปจากน้ำท่วม เช่น บ้าน ร้านค้าธุรกิจเสียหาย เรือกสวนไร่นา จะได้รับเงินเยียวยาเป็นเงินเท่าไรที่เหมาะสม? ในด้านจิตใจก็เช่นกันจะทำอย่างไร? จะมีการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพจิตใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งผลวิจัยหลายชิ้นสะท้อนว่า “ผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับการฟื้นฟูจิตใจสามารถดำเนินชีวิตในชุมชนได้เกือบเหมือนเดิมพวกเขามีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต ในขณะเดียวกันการจัดทีมสหวิชาชีพออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับเรื่อง และมีขั้นตอนการคัดกรองผู้มีปัญหาสุขภาพจิตด้วยแบบวัดความเครียด แบบวัดภาวะซึมเศร้า ก่อนส่งแพทย์สั่งการรักษา ส่งต่อให้การปรึกษาและคลายเครียดในรายที่มีปัญหา และส่งต่อให้พื้นที่ดูแลต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน“ และสองการแก้ปัญหาระยะยาวเกี่ยวบริหารจัดการนำ้อย่างยั่งยืน น่าจะเป็นวาระชายแดนภาคใต้/แห่งชาติที่ทุกพรรคการเมืองต้องจับมือกัน

หมายเหตุ
1.
ฟังคลิปย้อนหลัง(https://youtu.be/fFb02Bws8gw?fbclid=IwAR0um60EJL3cvGYtWwc029-WK-_VoyoC0K7EoJARABlWDrLxhmN4PvYLnYA)
2.ดูส่วนหนึ่งรายงานความเสียหายของสวนทุเรียนของชาวบ้าน(https://fb.watch/37VhOWn1DM/)