เมษายน 25, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

‘ประวิตร’ สั่ง กพต. เดินหน้าเศรษฐกิจเชื่อมการพัฒนาฐานราก พัฒนาทุกมิติ เพื่อเสริมความมั่นคง จชต.และพิจารณาเยียวยา เหยื่อ 3 ศพเขาตะเว ให้เกิดความเป็นธรรม

แชร์เลย

บรรณาธิการ..

(16 กรกฎาคม 2563) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยการประชุมมีสาระสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต. ประกอบด้วย การใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก การขับเคลื่อนการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่ จชต. ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการด่านการค้าชายแดนใน จชต. ตามมติ ครม.ในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ณ จังหวัดนราธิวาส ได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว เพื่อนำความคืบหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมาให้ กพต. ทราบและพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป การให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีราษฎรเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย บนเทือกเขาตะเว จังหวัดนราธิวาส รวมทั้ง เรื่องของการพิจารณาผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางและแนวทางสำคัญในการบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วนให้เป็นไปตามเป้าหมายคือ การอยู่ดีกินดีของประชาชนในพื้นที่ จชต.

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) กล่าวว่า “ ตามที่ กพต. ได้ร่วมกันพิจารณาในวันนี้ มีความสำคัญต่อการวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวันข้างหน้า รวมทั้ง เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งในอดีตและหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของประเทศไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขอให้ ศอ.บต. เร่งรัดกำกับติดตามการทำงานทุกเรื่องอย่างใกล้ชิดและให้รายงานผลความสำเร็จอย่างต่อเนื่องโดยประสานการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด และขอให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือกับ ศอ.บต. ตามบทบาทและอำนาจหน้าที่ของทางราชการ อย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถเดินหน้าการพัฒนาไปพร้อมกันโดยคำนึงถึงประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นสำคัญและเชื่อมโยงการพัฒนาไปสู่ความมั่นคง” โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบและให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

การใช้ประโยชน์ที่ดิน ผ่านการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ไปพร้อมกับการปลูกไม้มีค่าเพื่อสร้างอาชีพ สร้างร้ายได้ให้กับตนเองและครอบครัว  เป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ จำนวน 10 ล้านต้น ทำให้เกิดความสมดุลและสอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่ต้องพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อันเป็นฐานสำคัญไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น เศรษฐกิจฐานชีวภาพ เกษตรอุตสาหกรรม เกษตรเพื่ออาหารและการแปรรูป เป็นต้น

 

การบริหารจัดการด่านการค้าชายแดน ให้ความเห็นชอบแผนงาน โครงการ สำคัญเพื่อยกระดับ เพิ่มศักยภาพด่านให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนให้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการทำให้ด่านทั้ง 9 แห่ง มีมูลค่าการค้าและการส่งออกโดยประเทศไทยได้ดุลการค้า

การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมน้ำแล้ง เห็นชอบให้สนับสนุนแผนงาน โครงการเพื่อการสนับสนุนระบบการบริหารจัดการนำการเกษตร การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและการกักเก็บน้ำ เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

การรับทราบผลการฟังความคิดเห็นของประชาชน  เพื่อขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และพิจารณามอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดแผนงานโครงการและงบประมาณสนับสนุนการขับเคลื่อนตามกรอบการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการประกาศ ตามประกาศ ศอ.บต.เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา รวมทั้งให้กลไกของส่วนราชการต่าง ๆ ได้เข้าไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมายระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ เน้นย้ำ ในเรื่องของการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา รวมทั้ง ประสานการดำเนินการไปพร้อมกับประชาชน โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนในพื้นที่มีความห่วงใย เช่น การห้ามมิให้มีการประกอบกิจการประเภทปิโตรเคมีต้นน้ำ การดำเนินการตามมาตรฐานการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัด เป็นต้น ซึ่งประธาน กพต. ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเยียวยา จากกรณีการเสียชีวิต ของราษฎร 3 ราย บนเทือกเขาตะเว จังหวัดนราธิวาส สร้างความเป็นธรรมซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ รวมทั้งการดูแลและให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวสามารถดูแลและให้ความช่วยเหลือคนในครอบครัวด้วยกันและชุมชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนในระยะต่อไป

 

 1,706 total views,  2 views today

You may have missed