อาลีฟ มามะ รายงาน.
(22 เมษายน 2563) เวลา 10.00 น. พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอำเภอสะเดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา นายด่านศุลกากรสะเดา ตลอดจนหัวหน้าสวนราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ด่านพรมแดนสะเดา ร่วมต้อนรับ พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ซึ่งลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการปฏิบัติหน้าที่การคัดกรองกลุ่มคนไทยที่เดินทางจากประเทศมาเลเซีย ผ่านด่านพรมแดนสะเดา จังหวัดสงขลา ทั้งนี้ด่านพรมแดนสะเดา มีคนไทยที่ได้ลงทะเบียนไว้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ต้องการเดินทางกลับมายังประเทศไทยประมาณ 1,500 คน ซึ่งทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่า การลงมาตรวจเยี่ยมถึงปฏิบัติงาน ที่ด่านคัดกรองในครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงบรรยากาศในการปฏิบัติงานจริง และได้เห็นถึงมาตรฐานของการคัดกรองในทุกขั้นตอนอย่างเข้มงวด ที่ผ่านมาได้ยินข่าวถึงคนไทยที่เข้ามาในประเทศไทยไม่ว่าจะผ่านทางด่านแบบถูกต้อง และไม่ถูกต้อง แต่จากการที่มาตรวจในวันนี้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้กระจายผู้ที่เกี่ยวข้องไปประเมินทั้ง 5 ด่าน ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ยังมีปัญหาในเรื่องของการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้คนไทยหลายคนได้ลักลอบเข้ามาทางธรรมชาติแบบผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถนำคนไทยเหล่านั้นกลับมาได้ทุกคน และเข้ามาสู่กระบวนการของคัดกรองตรวจโรค และนำไปกักตัว 14 วันได้ครบ ดังนั้นอยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ในทุก ๆ ด่านของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้มีความเข้มงวด และจริงจังในการคัดกรอง สำหรับขั้นตอนต่าง ๆ ในการคัดกรองนั้น จากการประเมินด้วยสายตาแล้ว มีความเข้มงวดมากกว่าที่คิด ได้คัดกรองอย่างละเอียดทุกขั้นตอน อาทิการวัดอุณหภูมิ การซักประวัติ การคัดแยก การอำนวยความสะดวก การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และพบว่าคนไทยที่กลับมานั้น ได้ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เปิดเผยอีกว่า ยังมีคนไทยอีกมากที่อยากกลับเข้ามาในประเทศไทย และยังอยู่ในประเทศมาเลเซีย แต่ด้วยความสามารถด้านสาธารณสุขของประเทศไทย จึงได้มีกำหนดตามโควต้าที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนพยายามหาวิธีการลงทะเบียนให้ถูกต้อง และกลับมาตามจำนวนที่กำหนด แต่ถ้าพยายามกลับมาเข้าตามธรรมชาติแบบผิดกฎหมายแล้ว อาจจะก่อให้เกิดปัญหาหลายๆด้าน ดังนั้นขอให้รับทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นสถานที่รับการติดต่อคนไทยทุกคนที่มีความประสงค์อยากกลับเข้ามาในประเทศไทย แต่หากใครก็ตามที่ไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากโควต้ามีไม่พอ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จะมีการดูแล และมีช่องทางในการหาสิ่งของอำนวยสะดวกแก่ประชาชนคนไทยทุกคน และขอยืนยันว่าคนไทยทุกคน สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่ขอให้กลับเข้ามาในช่องทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่สำหรับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศมาเลเซียนั้น รัฐบาลจะให้การดูแลอย่างเท่าเทียมทุกคน
ด้าน นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา เปิดเผยว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน จนกระทั่งถึงวันนี้ สรุปยอดคนไทยที่ตกค้างในมาเลเซียที่ผ่านเข้ามาทางด่านพรมแดนสะเดากว่า 500 คน ในจำนวนนี้พบผู้ที่มีความเสี่ยงสูงและต้องส่งไปโรงพยาบาลเพื่อเพาะเชื้อตรวจหาโรคทันที จำนวน 20 คน และผลตรวจออกมาแล้วทั้งหมด ซึ่งเป็นข่าวดีที่พบว่าทุกคนมีผลเป็นลบทั้งหมด ไม่มีผู้ใดที่พบเชื้อ COVID – 19 แต่ทั้งนี้ทุกคนยังต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อกักตัวต่อไปอีก 14 วันตามกำหนดเช่นเดิม
ส่วนปัญหาที่พบตลอด 5 วันที่ผ่านมา นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี กล่าวว่า ภาพรวม ยังไม่พบผู้ลักลอบเข้าเมืองผ่านทางช่องทางธรรมชาติแต่อย่างใด เนื่องจากทางฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ ทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ คอยตรวจตราช่องโหว่ที่อาจจะทำให้มีพี่น้องคนไทยแอบลักลอบเข้าผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันมาโดยตลอด จะพบปัญหาเพียงแค่เรื่องของข้อมูลที่ลงทะเบียนมาไม่ตรงกับความเป็นจริง
////////////
528 total views, 2 views today
More Stories
แถลงร่วม 3 ฝ่าย สรุปผลการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพื้นที่จชต. เป็นไปตามขั้นตอนตามหลักมนุษยธรรม เน้นเจรจามากกว่าใช้กำลัง แสวงหาทางออกสู่สันติสุข
แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะประธาน กอจ.นราธิวาส โอกาสเส้นทางใกล้สู่เดือนรอมฎอน ร่วมอวยพรสันติสุขให้ประชาชน รอมฎอนอันประเสริฐ ฮศ.1445
แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดแผน (รอมฎอนสันติสุข และส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ) อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในทุกเทศกาล โดยเฉพาะ ห้วงเดือนรอมฎอนปี 67