พฤศจิกายน 27, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

#เกาะติดCovid-19:ช่วยกันรักษา (ไข่แดง)จังหวัดสตูล

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

 

อ่านบทความส่วนหนึ่งของอาจารย์ รุสนันท์ เจ๊ะโซ๊ะซึ่งกล่าวถึงคนไทยในมาเลเซียในช่วงCovid-19 ว่า “
สำหรับคนไทยในมาเลเซียประกอบด้วย 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1. คนไทยที่แต่งงานกับคนมาเลเซีย มีครอบครัวอยู่ที่นั่น ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก

2. กลุ่มนักศึกษาไทยประมาณ 1,100 คนที่ติดค้างตามหอพักของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางมหาวิทยาลัยให้การดูแล มีอาหารฟรี 3 มื้อต่อวัน กลุ่มนี้ไม่น่ากังวลเช่นกัน

3. กลุ่มคนไทยที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติประมาณ 5,000-6,000 คน กลุ่มนี้มีเงินเดือนประจำ และยังทำงานในลักษณะ Work from Home

4. เป็นแรงงานในร้านอาหารต้มยำ แรงงานประมง สวนปาล์ม ผีน้อย จำนวนนับแสนคน มากกว่า 3 กลุ่มข้างต้นรวมกัน

ดังนั้นกลุ่มที่ 4 จะได้รับผลกระทบมากที่สุดหากมาเลเซียขยายเวลาการปิดประเทศออกไปอีก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกจ้างรายวัน ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ เพราะด่านทางบกทุกด่านของไทยปิดหมดหลายคนกำลังเดือดร้อนเนื่องจากขาดเสบียงยังชีพ เงินเริ่มหมด เรื่องนี้จะเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลไทยและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องขบคิดว่าจะช่วยแรงงานไทยเหล่านี้อย่างไร จะมีการเปิดด่านให้คนไทยกลุ่มนี้กลับบ้านได้หรือไม่ และมีมาตรการกักตัวตามที่กำหนด หรือถ้าจะให้พวกเขาอยู่ในมาเลเซียไปก่อนจนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ จะมีมาตรการอะไรบ้างเพื่อช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้”
(อ้างอิงบทความใน
https://thestandard.co/covid19-malaysias-lockdown-and-thai-labor/)

เมื่ออ่านFacebook ส่วนตัวของหมอกิ๊ฟลัน ดอเลาะพบว่า “

เป็นที่น่ายินดีว่า ปัจจุบันสมาคมจันทร์เสี้ยวแห่งประเทศไทยนำโดยหมอกิ๊ฟลัน ดอเลาะ(หมอขวัญใจมหาชนชายแดนใต้)ได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียโดยมีอาจารย์ รุสนันท์ เจ๊ะโซ๊ะ (อาจารย์ชาวไทยเชื้อสายมลายูปตานีที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมาลายาและติดตามเรื่องนี้อย่างเกาะติด)เป็นเลขานุการเพื่อประสานงานช่วยเหลือเบื้องต้น

อนึ่งแรงงานไทยและคนไทยจากมาเลเซียประมาณ 280 คน หลังจากไทยก็ปิดทุกด่าน ซึ่งเมิ่อ 28 มีนาคม 2563 ได้รับการอนุโลมเข้าจากด่านบ้านวังประจัน จังหวัดสตูล ซึ่งจังหวัดสตูลเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ยังไม่พบ ผู้ติดเชื้อ Covid-19 จากห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ดังนั้นต้องช่วยกันทุกภาคส่วน และเฝ้าระวังมากที่สุดหลังจากนี้
ดังนั้นก็ฝากคนประมาณ 280 คนดังกล่าวปฏิบัติตามมาตราการรัฐ สาธารณสุข ถ้าเป็นมุสลิมก็จะเพิ่มมาตราการที่สำนักจุฬาราชมนตรีอีกมาตราการหนึ่ง นอกจากนี้ที่ยังไม่เน้นเท่าไรคือมีคนปกติเสียชีวิตทุกวัน จะทำอย่างไรในการจะประกอบศาสนกิจเช่นละหมาดศพให้คนมาละหมาดน้อยที่สุด พร้อมทำตามมาตราการการป้องกันCovid-19 ทางสาธารณสุขให้มากที่สุดซึ่งตรงนี้เราอาจมองข้ามสักนิแต่ก็เขาใจในญาติที่สูญเสียคนรัก เพื่อนรัก ส่วนใหญ่ขอให้ละหมาดฆออิบ ตามที่เคยเสนอบทความในเวปไซต์เรา จะดีที่สุด ณ เวลานี้
สำหรับญาติๆ ควรช่วยชี้เเจงประชาสัมพันธ์อย่างมีวิทยปัญญา และรัฐเองมีมาตราการใดอีกที่จะช่วยกับคนเหล่านี้
ที่สำคัญมากกว่านั้นการผ่านจังหวัดสตูลอันเป็นไข่แดงที่ยังไม่ถูกเจาะยิ่งจะต้องช่วยป้องกันเพิ่มขึ้น บทเรียนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในแง่วิถีชีวิตคงไม่ต่างกันมาก แต่ปัจจัยคนที่พาเชื้อเข้าสามจังหวัดต่างกัน
สำหรับสสมจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นที่ทราบกันดีว่าสถาการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงเพราะยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น มีคนเสียชีวิตแล้วสองคน โรงพยาบาลบันนังสตา จังหวัดยะลาถูกประกาศปิด เพราะหมอกับพยาบาลสามคนติดเชื้อด้วย โรงพยาบาลยะลา และยะรัง จังหวัดปัตตานีกำลังจะรับผู้ป่วยไม่ได้(เพราะเตียงไม่เพียงพอ)ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าคนแรกๆที่นำเชื้อมาจากคนไทยในมาเลเซีย ที่กลับมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน ไม่นับรวมที่กลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมือง และนักศึกษาไทยในต่างประเทศจากจังหวัดชายแดนภาคใต้จากทั่วโลกที่จะทยอยกลับมาอีก ดังนั้นจังหวัดชายแดนภาคใต้ผลกระทบหนักกว่าที่คิด กลัวอย่างเดียวว่า ระบบสาธารณสุขชายแดนใต้จะพังคือขาดคนทำงาน โดยเฉพาะหมอ พยาบาล และอุปกรณ์ไม่พอ ไม่ว่าชุด เตียง ยา ซึ่งตอนนี้ทุกตำบลเริ่มใช้มาตราการจัดการตนเองเช่นความร่วมมือของผู้นำสี่เสาหลักอันเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ดังนั้นก็เป็นกำลังใจพร้อมทั้งขอพรให้จังหวัดสตูลยังคงรักษาไข่แดงที่ยังไม่ถูกเจาะด้วย Covid-19
ก็ฝากชาวสตูลทุกท่านร่วมด้วยช่วยกัน

 695 total views,  2 views today

You may have missed