พฤศจิกายน 27, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ผู้ว่านราฯ เพิ่มความเข้มข้นมาตรการรับมือ โควิด 19 หลังแรงงานไทยทะลักจากมาเลย์ ย้ำมาตรการเข้มงวดคัดกรองพื้นที่ชายแดน

แชร์เลย

มะดารี โตะลาลา รายงาน..


เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 17 มี.ค.2563 ที่ห้องประชุมหลวงปริวรรตวรวิจิตร ชั้น 4 ศาลากลาง จ.นราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจากกรณีผู้เดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเป็นชาว จ.นราธิวาส 29 ราย และจากการตรวจพบมีผู้ป่วยที่มีอาการไข้ มีประวัติ เข้าข่าย’ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค’ หรือ PUI (Patient Under Investigation) จำนวน 2 ราย ซึ่งทั้งสองรายเป็นคนในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากห้องแลป โดยอีก 8 รายอยู่ระหว่างรอผลตรวจ ส่วนอีก 16 รายกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ขณะเดียวกันอีก 3 รายยังไม่มารายงานตัวและเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาเข้าสู่กระบวนการ


ทั้งนี้จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดในประเทศไทย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมจำนวน 147 รายเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (16 มี.ค.63) จำนวน 33 ราย (จากเดิม 114 ราย) โดยมีแนวโน้มการระบาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 คือส่งผลกระทบในระดับปานกลางและมีแนวโน้มแพร่ระบาด โดยนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำของวานนี้ ยังคงยืนยันสถานการณ์ว่ายังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3


ทางด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส ได้แถลงข่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส น.อ.วรพล สิทธิจิตต์ รอง ผอ.รมน.จ.นราธิวาส (ฝ่ายทหาร) และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือ การเตรียมมาตรการในการรับมือกับคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย อาทิ กลุ่มต้มยำกุ้ง เป็นต้น ที่ได้ทะลักกลับเข้ามายังประเทศไทยโดยผ่านมาทางพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียได้ประกาศปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 18-31 มี.ค.63 เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ส่งผลให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการนำเชื้อจากมาเลย์เข้ามาแพร่ใน จ.นราธิวาสซ้ำสอง
ซึ่งนายเอกรัฐ ผวจ.นราธิวาส เปิดเผยภายหลังจากการประชุมทางไกล Video conference ถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศว่า ณ ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการเดินทางกลับมาของแรงงานไทยที่มาเลย์ ซึ่งถือเป็นความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด หลังจากที่ทางจังหวัดได้ติดตามเคสของคนไทยที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์มาได้ 26 คน ยังขาดอีก 3 คน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทุกภาคส่วนได้ระดมสรรพกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากโรคระบาด โดยคนที่กลับมาจากมาเลย์ เราได้ตั้งโต๊ะที่ด่านพรมแดนหลัก 3 ด่านคือโก-ลก ตากใบและบูเก๊ะตา รวมทั้งจุดผ่อนปรนอีก 13 จุด เราเข้มงวดทุกขั้นตอนทั้งการลงทะเบียนชื่อ-นามสกุลตามบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ รวมทั้งมีการวัดไข้ และหากใครมีไข้สูง จะถูกส่งตัวไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลทันที อีกทั้งทางจังหวัดได้มีการเตรียมหาสถานที่กรณีหากเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้น ซึ่งกระบวนการต่างๆนั้นทำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนซึ่งย้ำว่าต้องเป็นเคสที่มีความเสี่ยงได้รับการตรวจคัดกรอง


ส่วนคำถามที่ว่า มีโอกาสที่จะปิดเมืองเหมือนจังหวัดอื่นๆหรือไม่นั้น นายเอกรัฐ ผวจ.นราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้ จ.นราธิวาสก็ถือว่าคล้ายๆกับปิดเมืองแล้ว เพราะเราคัดกรองคนอย่างเข้มงวด งดการชุมนุมการจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนการละหมาดของชาวมุสลิมนั้น ขอร้องว่าให้อาบน้ำละหมาดไปจากบ้านก่อนทุกครั้ง อะไรที่เป็นความเสี่ยงต่อตัวเองและสังคมขอให้งดเว้น
ทางด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส กล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกคนที่คิดว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อที่จะลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ที่สำคัญให้แจ้งข้อมูลไทม์ไลน์ของตัวเองให้หมด อย่าปิดบัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมของแต่ละคน เพราะหากปิดบังจะทำให้การควบคุมโรคยากลำบากขึ้น ซึ่งหากมีผู้ป่วยยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่จะแถลงต่อสาธารณชน

///////////////////////////

 641 total views,  2 views today

You may have missed