ดร.วินัย ดะห์ลัน…
ผมเป็นคนที่ไม่เฉลิมฉลองวันปีใหม่ ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร จะว่าเพราะเบื่อก็คงไม่ใช่ เป็นเพราะเห็นสัจธรรมว่าการเฉลิมฉลองล้วนเป็นเรื่องสมมุติก็คงไม่ถูก ผมสนุกได้ทุกวันอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องฉลองปีใหม่ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติกับเขาด้วย เรื่องที่กล่าวว่างานเฉลิมฉลองปีใหม่เป็นเรื่องสมมุตินั้นนับว่าชัดเจนที่สุดเนื่องจากสมมุติกันมาตั้งแต่อดีตกาลนานนม อาจย้อนหลังไปได้ไกลเกินกว่าสี่พันปีแล้วด้วยซ้ำ
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ชนกลุ่มแรกที่เฉลิมฉลองปีใหม่คือชนบาบิโลนซึ่งเป็นอารยธรรมมนุษย์ยุคแรก เรียกวันฉลองของตนเองว่า “อาติกู” (Atiku) แปลว่าข้าวบาร์เลย์ โดยเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ที่ปลูกกันเต็มทุ่ง คนทั้งชุมชนมาช่วยกันเก็บเกี่ยวคล้ายการลงแขกทำนองนั้น ฉลองกันนาน 11 วัน กำหนดวันโดยการคำนวณว่าวันนั้นเป็นวันที่กลางวันกับกลางคืนยาวเท่ากันซึ่งตรงกับปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ปีใหม่ของชาวบาบิโลนจึงเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวซึ่งคล้ายคลึงกับหลายอารยธรรมที่ตามมาในภายหลัง อย่างของไทยและหลายชาติที่ตามวัฒนธรรมอินเดีย วันสงกรานต์กลางเดือนเมษายนนั้นเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวเหมือนกัน
บางอารยธรรมเก่าอย่างอิยิปต์กำหนดวันปีใหม่จากแม่น้ำไนล์ท่วมฝั่งนั่นเป็นเรื่องของดาราศาสตร์เพราะน้ำท่วมใหญ่รอบปีเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ คำถามคือในยุคหลังเหตุไฉนปีใหม่จึงมาอยู่ที่เดือนมกราคม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเพาะปลูก กรณีปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 มกราคมนั้นอันที่จริงเริ่มขึ้นในยุคโรมันที่เป็นอภิมหาอำนาจในโลกยุคเก่า เดิมทีเมื่อเกินสองพันปีมาแล้ว หนึ่งปีของโรมันมีอยู่ 10 เดือน 304 วัน พิจารณาจากดวงอาทิตย์ที่ข้ามเส้นศูนย์สูตรซึ่งเกิดขึ้นปีละสองครั้งในเดือนมีนาคมกับกันยายน
กระทั่งถึง 46 ปีก่อนคริสตกาล ยุคสมัยของจักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) เห็นว่าหนึ่งปีควรมี 365 วัน จึงเพิ่มเดือนเข้าไปสองเดือนโดยปีที่เริ่มให้เพิ่มวันเข้าไป 90 วันเพื่อเลื่อนเดือนมกราคมซึ่งเป็นเดือนใหม่ของปีใหม่ให้ตรงกับช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็นที่สุด ผู้คนหดหู่ที่สุด เทศกาลเฉลิมฉลองจึงอยู่กลางฤดูหนาวเพื่อไม่ให้ว้าเหว่จนเกินไป การกำเนิดคริสตมาสใกล้ปีใหม่คือวันที่ 25 ธันวาคมที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นดูเหมือนจะใช้ตรรกะเดียวกัน ทั้งๆที่วันประสูตรของพระเยซูนักประวัติศาสตร์เห็นว่าตรงกับกลางเดือนสิงหาคมมากกว่า ก็อย่างที่บอกคือวันเวลาและการเฉลิมฉลองล้วนเป็นเรื่องสมมุติ จึงไม่อยากให้ซีเรียสกันมากนัก
จักรวรรดิโรมันรับศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาหลักใน ค.ศ.313 รัชสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน แต่เวลานั้นชนชาวคริสต์ก็ยังไม่ยอมรับวันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่โดยถือว่าเป็นเรื่องของกลุ่มชนนอกศาสนา กระทั่ง ค.ศ.1582 สันตปาปาเกรกอรีที่ 13 จัดทำปฏิทินเกรกอรีขึ้นและให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่เหมือนปฏิทินจูเลียนที่เกิดขึ้นยุคจูเลียส ซีซาร์ การฉลองปีใหม่วันที่ 1 มกราคมจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาไหน ไม่ว่ากันหากใครอยากฉลอง ส่วนผมยังไม่คิดจะฉลอง ขอมีความสุขเงียบๆกับการอ่านและเขียนหนังสือจะดีกว่า #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #วันปีใหม่
727 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.