ปัตตานี..ทุกภาคส่วนร่วมใจ ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เหตุปะทะ 2 ศพ ขณะผู้นำศาสนา ชาวบ้านร่วมละหมาดฮายัต เพื่อสันติสุข

แชร์เลย

ภาพ/มะอายือมิง สาแล๊ะ ข่าว/สาเล็ม ครู ปัตตานี

ด้วยทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.คอลลอตันหยง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบมาพักอาศัยบ้านขาวบ้านเพื่อเป็นที่พักพิงเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สืบทราบและปิดล้อมเข้าจับกุมและเกิดการปะทะทำให้นายซอบรี หลำโสะ อายุ 28 ปี และนายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 40 ปี เป็นแกนนำระดับปฏิบัติการและสั่งการในพื้นที่ และเป็นการสำคัญที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการตัว เสีย2 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงดึกของวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความหวาดไม่สบายใจและเกิดความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐได้ใช้โซเชียล กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ

โดยใน(วันที่ 27 พ.ย. 62) เวลา 10.30 น.ที่มัสยิดดารุลสลาม นัดบารู ม.1 บ.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้จัดเวทีสานสัมพันธ์ ฉันท์พี่น้อง ชาวคอลอ รักสันติ ขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและให้กำลังใจกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีทุกภาคส่วนเข้าร่วม นำโดย นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พล.ท.ชัชภณ สว่างโชติ ที่ปรึกษาแม่ทัพภาค 4 นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหนองจิก พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่น ร่วมเวทีเสวนาสร้างความเข้าใจ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีนางสตียาเราะ แวซู อายุ 63 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และประชาชนเข้าร่วมกว่า 200 คน

ด้านพ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้อธิบายการทำงานของเจ้าหน้าที่ในห่วงและหลังเกิดเหตุ โดยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1 ก่อนการปฏิบัติ 2 ระหว่างการปฏิบัติ 3 หลังการปฏิบัติ และ 4 การดูแลเยี่ยวยาผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งยินยันว่า คนร้ายที่เสียชีวิตเป็นเป้าหมายที่ทางเจ้าหน้าที่ติดตามตัว และเป็น 2 ใน 26 เป้าหมายที่มีหมาย ป.วิอาญา เป็นผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวคนร้ายทั้ง 2 รายในทุกๆที ที่รู้ว่าเป็นแหล่งพักพิงของคนร้าย จนกระทั้งสามารถพิสูจน์ได้ว่า คนร้ายได้หลบพักอาศัยในพื้นที่เกิดเหตุ โดยอาศัยแหล่งข่าว โดยยืนยันว่า เจ้าของบ้านดังกล่าวและคนในพื้นที่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลของคนร้ายแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ใช้เทคนิค และภาพถ่ายจากทางอากาศเป็นหลัก ซึ่งเป็นข้อมูลทางความลับ เมื่อเจ้าหน้าที่สืบทราบแน่ชัดแล้วจึงได้มีการประชุมเตรียมการ และได้เข้าปิดล้อมเป้าหมาย และนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกมา แต่ในขณะที่ปิดล้อม 1 ในคนร้ายคือนายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อแหวกวงล้อมออกมา จึงเกิดการปะทะ ทำให้นายมะยะโก๊ะ เสียชีวิต แต่ยังมีคนร้ายอีก 1 คนที่ยังหลบอยู่ภายในบ้าน จึงได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ พร้อมทั้งนำตัวผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาที่ปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวผู้นำศาสนาและผู้นำท้องที่ เข้ามาเจรจา เพื่อให้คนร้ายมามอบตัว ตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก โดยใช้เวลาในการเจรจาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง แต่คนร้ายก็ไม่มอบตัว และยังมีการใช้อาวุธปืนยิงมาเป็นระยะๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้กำลังในการจับกุมและเกิดการปะทะ ทำให้นายซอบรี หลำโสะ อายุ 28 ปี เสียชีวิต โดยการพิสูจน์ทราบว่าคนร้ายทั้ง 2 ราย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา ทั้ง 2 ราย และจากการตรวจสอบอาวุธปืนปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ของนายซอบรี หลำโสะ ตรงกับ ปลอกกระสุนปืนของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุยิง ชุดคุ้มครองตำบลลำพะยา เสียชีวิต 15 ราย โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้มีการบันทึกภาพทุกขั้นตอน และได้มีการเปิดเผยคลิปการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ดู เพื่อแสดงความจริงใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่

ในขณะที่ทางด้าน นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิด พร้อมทั้งได้ให้กำลังใจกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยใช้หลักศาสนาในการในการดำรงชีวิตตามแบบอย่างของศาสนาอิสลาม และร่วมมือกันสร้างพื้นที่ให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
หลังจากเสร็จเวทีเสวนา ทางด้านผู้เข้าร่วมได้มอบเครื่องยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และตู้เสื้อผ้าให้กับนางสตียาเราะ แวซู อายุ 63 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป จากนั้น นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนชาว ต.คอลอตันหยง ได้ร่วมกันละหมาดฮายัต ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่