พฤษภาคม 7, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเหตุคนร้ายป่วนพื้นที่ปัตตานี

แชร์เลย

อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา  รายงาน…


( 31 ต.ค. 2562 เวลา 13.30 น.) ที่ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจงเหตุคนร้ายก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงค่ำเมื่อวานนี้

โดยเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (31ต.ค.2562) ตั้งแต่ เวลา 18.00 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายปล้นรถยนต์ของ อบต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พร้อมจับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของ อบต.มัดไว้ โดยได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปก่อเหตุคาร์บอมในพื้นที่ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี จากนั้นคนร้ายได้เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ในขณะลาดตระเวนจรยุทธ์ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้กลุ่มคนร้ายเสียชีวิต จำนวน 2 ราย ต่อมาเวลา 22.15 น. คนร้ายได้เข้าโจมตี ชุดคุ้มครองตำบล เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี


ต่อกรณีเหตุการณ์คนร้ายปล้นรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตูจาก อบต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อนำไปก่อเหตุระเบิดบริเวณหน้า สภ.ไม้แก่น (หลังเก่า) ม.4.ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี นั้น พันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 18.00 น. เมื่อวานนี้ ( 31 ต.ค. 2562) มีคนร้ายจำนวน 3 คน ได้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีดำ เป็นพาหนะ ปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนพกสั้นจี้และมัดมือ นายนิเฮง ยานยา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อบต.น้ำดำ พร้อมทั้งบังคับให้ขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด รุ่น เรนเจอร์ สีเขียว ทะเบียน กข-5146 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถยนต์ทางราชการของ อบต.น้ำดำ โดยคนร้ายได้นำตัว นายนิเฮงฯ ไปทิ้งไว้บริเวณป่ามะพร้าวข้างกุโบร์ ม.2 บ้านน้ำดำ ซึ่งหากจากที่เกิดเหตุประมาณ 1.3 ก.ม. พร้อมขู่ว่า หากไม่ถึงเวลา 2 ทุ่มห้ามกลับไป ก่อนจะขับรถยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป ทั้งนี้เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง นายนิเฮงฯ ได้เดินเท้า ไปขอความช่วยเหลือจาก นายซาการียา อาแว กำนัน ต.น้ำดำฯ เพื่อติดตามคนร้ายที่ปล้นรถยนต์ของ อบต.น้ำดำต่อไป ต่อมาเวลาประมาณ 22.10.น..คนร้ายได้นำรถยนต์กระบะคันดังกล่าวประกอบติดตั้งระเบิด (คาร์บอม) โดยนำไปจอดไว้บริเวณกำแพงด้านหน้า สภ.ไม้แก่น (หลังเก่า) ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่พักของ เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว สภ.ไม้แก่น แรงระเบิดทำให้กำแพง และรถยนต์ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายบางส่วน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ EOD.และ พิสูจน์หลักฐาน ร่วมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบในพื้นที่ เพื่อค้นหาหลักฐาน และตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ ระเบิดบรรจุในถังแก๊สไม่ทราบขนาด และพบขวดพลาสติกคาดว่าบรรจุน้ำมัน ยังไม่พบตัวจุดชนวน ซึ่งระเบิดค่อนข้างจะทำงานได้สมบูรณ์ และจากการตรวจสอบเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดในพื้นที่พบพฤติกรรมของคนร้าย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่ 1 เป็นรถนำ ตามด้วยด้วยรถคันที่ 2 เป็นรถยนต์กระบะที่ใช้ในการก่อเหตุ และตามด้วยรถคันที่ 3 เป็นรถจักรยานยนต์ที่ใช้รับคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดเพื่อหลบหนี
ภายหลังภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4./ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4.ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เพิ่มมาตรการในการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย ตั้งแต่ได้รับการรายงานว่ามีการปล้นรถยนต์กระบะจาก อบต.น้ำดำ โดยได้สั่งการให้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ทั้งเส้นทางสายหลักและสายรอง ร่วมกับกำลังประจำถิ่นและภาคประชาชน เพื่อติดตามคนร้ายบนเส้นทางที่คาดว่าจะใช้หลบหนี พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูความเชื่อมโยงในแต่ละพื้นที่ที่คนร้ายก่อเหตุ

ต่อมาในช่วงค่ำของวันเดียวกัน พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เวลา 22.15 น.ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ได้มีคนร้ายประมาณ 6-7 คน ใช้รถยนต์ กระบะ จำนวน 2 คัน ขับมาจากทาง จ. ยะลา ก่อนถึงจุดตรวจชุดคุ้มครองตำบลเขาตูม ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กลุ่มคนร้ายได้ปิดไฟหน้ารถ และได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 5.56 มม. ยิงใส่ ฐาน ปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลเขาตูม จำนวน 1 ชุด ประมาณ 20-30 นัด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้ คาดว่า มีผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นทั้ง 2 คันได้ขับหลบหนีไปตามทางหลวง 410 มุ่งหน้าไปทาง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หน่วยจึงได้วิทยุถึงด่านตรวจทุกด่านเพื่อสกัดจับ แต่ไม่พบรถต้องสงสัยผ่านไป แต่อย่างใด คาดว่าคนร้ายได้ใช้เส้นทางรองในการหลบหนี ส่วนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดปลอดภัย
ต่อมา เวลา 22.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโสร่ง ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ว่ามี ประชาชน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและพยายามจะให้เจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโสร่ง รักษา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจพบจึงได้นำตัวไปรักษายังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จากนั้นได้สอบถาม เพื่อนผู้บาดเจ็บทราบว่า ผู้บาดเจ็บ ได้โทรหาและบอกให้ออกมาพบที่สี่แยกไฟแดงตลาดมะพร้าว แต่ไม่ทราบถูกยิงเพราะสาเหตุใด


ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่า ผู้บาดเจ็บอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงก่อกวน. ชุดคุ้มครอบตำบลเขาตูม เนื่องจากพฤติการณ์สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ในเวลาเดียวกันที่มีการยิงก่อกวนชุดคุ้มครองตำบลเข้าตูม ในพื้นที่ อ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี ชุดปฏิบัติการณ์จรยุทธ์ ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ได้ลาดตระเวนเส้นทางถนน ต.ปะเสยะวอ ถึง ต.บางเก่า ตามภาพข่าวที่ปรากฏว่า จะมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะลอบวางระเบิดยานพาหนะเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในระหว่าง ลาดตระเวนเส้นทางดังกล่าว ได้ตรวจพบสิ่งผิดปกติ เป็นตะกร้าใส่ผลไม้มีตาข่ายปิดบังอำพรางไว้ จึงได้ปิดกั้นพื้นที่ และประสานให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบถังแก๊สปิคนิค น้ำหนักประมาณ 20 – 25 กก. จุดชนวนด้วยระบบวิทยุสื่อสาร บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกพร้อมวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในการจุดชนวนระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกู้และนำไปตรวจพิสูจน์ ต่อไป


ต่อมา บนถนนเส้นเดียวกัน ห่างจากจุดเดิมไปประมาณ 5 นาที ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 อีกหนึ่งชุด ได้ทำการตั้งจุดตรวจ ได้มีบุคคลชายต้องสงสัย จำนวน 2 คน แต่งกายใช้ผ้าปิดบังอำพรางใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อและไม่ทราบหมายเลขแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่มายังด่านตรวจท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ จึงทำการเรียกตรวจสอบ แต่บุคคลชายต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้หลบหนี ด่านตรวจของ เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะกันขึ้น พร้อมทั้งใช้รถจักรยานยนต์ ไล่ติดตามกลุ่มชายต้องสงสัย สุดท้ายรถชายต้องสงสัยล้มลงข้างทาง และได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม ทำให้เกิดการปะทะกัน ประมาณ 5 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบ ผู้ต้องสงสัยเสียในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ราย ข้างกายทั้งคู่ พบอาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก หมายเลขทะเบียนถูกลบออกไป พบปลอกกระสุนจำนวนหนึ่ง แม็กกาซีน จำนวน 1 แม็ก ซองปืนพก จำนวน 1 อัน และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีดำ หมายเลขทะเบียน กรท 316 ยะลา ตรวจสอบแล้ว เป็นของ นางพาตีน๊ะ ลาเต๊ะ ที่อยู่ ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา โดยรถอยู่ระหว่างการแจ้งหาย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบคนร้ายอย่างละเอียด พบ คนร้ายสวมใส่เสื้อแขนยาวสีดำ สวมถุงมือไหมพรหมสีแดงทั้ง 2 ข้าง และใช้ผ้าปิดปาก พร้อมทั้งใช้ผ้าคลุมศีรษะปิดบังอำพรางใบหน้า ทราบชื่อภายหลัง คนขับ คือ นายอัมรัน บือราเฮง เป็นสมาชิกแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ส่วนคนซ้อนท้าย ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่ถุงมือยางที่มือซ้าย พร้อมทั้งใช้ผ้าคลุมศีรษะปิดบังอำพรางใบหน้า ทราบชื่อ คือ นายลุกมาน สาและ เป็น สมาชิกกลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ
ทั้งนี้ จากพฤติกรรมของคนร้ายที่ตรวจพบ โดยหนึ่งในนั้น ได้เคยถูกเชิญตัวไปให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ศูนย์ซักถามมาแล้ว แต่เนื่องจากได้ให้การปฏิเสธ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีหลักฐานเพียงพอในขณะนั้น จึงได้ทำการปล่อยตัวไป ทั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้อำนาจตามขอบเขตที่มีอยู่อย่างจำกัดเท่านั้น ในการค้นหาความจริงจากผู้ถูกเชิญตัวด้วยการซักถาม รวมทั้งดูแลความเป็นอยู่ในระหว่างถูกเชิญตัว ภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ผ่านมา ยังมีอีกหลายกรณีที่ผู้ก่อเหตุที่ผ่านการซักถามแล้ว ได้ออกไปก่อเหตุการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ
ภายหลังเกิดเหตุการณ์ พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ เร่งเข้าคลี่คลายสถานการณ์ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวบรวมวัตถุพยาน เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยงของอาวุธที่กลุ่มคนร้ายใช้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งให้หน่วยในพื้นที่ เร่งเข้าทำความเข้าใจกับประชาชนรวมทั้งญาติผู้เสียชีวิต เพื่อหาทางช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมต่อไป
ขณะที่  โฆษกกองทัพภาคที่ 4 ได้สรุปเหตุการณ์ก่อกวนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.2562) ว่า จะเห็นได้ว่าทุกเหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกัน และมีการวางแผนลักษณะแบบรวมการณ์ เพื่อสร้างความสูญเสียให้กับทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐและพี่น้องประชาชนจากพฤติกรรมของคนร้ายที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบว่าล้วนแต่เป็นบุคคลที่เคยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเข้ามาปรับทัศนคติในศูนย์ซักถามมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีหลายฝ่ายพยายามออกมาต่อต้านและเรียกี้องให้มีการยกเลิกกฎหมายพิเศษ โดยได้มีการกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้กฎหมายความมั่นคงทั้ง 3 ฉบับไปคุกคาม และละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชน ซึ่งเมื่อวานนี้ คณะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนของสภาผ็แทนราษฎรได้ลงมาติดตามการปฏิบัติงาน ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นของการใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งได้ใช้ตามความจำเป็นในบางมาตรา เพื่อระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ซักถาม ซึ่งปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบที่กำหนดไว้ โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ


นอกจากนี้ จากที่ได้มีการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายโดยได้มีการแจ้งเตือนและเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน ด้วยการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบบุคคลเฝ้าระวังกว่า 5,000 รายชื่อ ที่ผ่านเข้าออกตามแนวชายแดน โดยในสัปดาห์ที่แล้วได้ตรวจพบบุคคลตามหมาย ป.วิอาญา 3 หมาย ที่ด่านสุไหงโกลก และตรวจเจอความเคลื่อนไหวของบุคคลเฝ้าระวังที่เดินทางขึ้นลงยังพื้นที่ กทม.อีกหลายคนที่ต้องเฝ้าติดตามพฤติกรรม สำหรับพื้นที่ชายแดนได้มีการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องของการลาดตระเวนโดยใช้ชุดป้องกันและควบคุมแนวชายแดน รวมทั้งชุดปฏิบัติการ พัน ร.เชิงรุก ในการลาดตระเวณพื้นที่ช่องทางท่าข้ามที่ผิดกฎหมายทั้ง 74 ช่องทาง รวมทั้งจุดผ่อนปรนอีก 7 จุด แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้สั่งการให้ยกระดับการควบคุมพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด โดยผลจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปัตตานีเมื่อคืนนี้ เห็นผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน เห็นถึงความกระตือรือร้นของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะชุดคุ้มครองตำบล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อส. ที่มักจะตกเป็นเป้าโจมตีเสมอ แต่หลายครั้งที่คนร้ายต้องสูญเสียและไม่สามารถปฏิบัติการได้สำเร็จ ด้วยเพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่มีความเข้มแข็ง

////////////////////////

 594 total views,  2 views today

You may have missed