รองอธีบดีท่าอากาศยาน ระบุ สนามบินเบตง Betong Airport คืบหน้า 95 เปอร์เซ็น จะสามารถเปิดบริการอย่างเป็นทางการกลางปี 63 พร้อมนำไม้ไผ่มาเป็นเอกลักษณ์สะท้อนชื่อเบตง ตกแต่งอาคารที่พักผู้โดยสาร

ภาพ/ข่าว อดินันท์ มะลี อ.เบตง จ.ยะลา…

(23ก.ย.62) นายจรุณ มีสมบูรณ์. รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน พร้อมด้วยนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา (Betong International Airport) ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ ต. ยะรม อ. เบตง จ. ยะลา ขณะนี้การก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงมีความคืบหน้าในการก่อสร้างมากกว่า 95 % พร้อมทั้งได้ตรวจสอบ และทดสอบระบบไฟฟ้าภายในอาคารผู้โดยสาร ระบบสาธารณูปโภค การก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ พร้อมลานจอดของเครื่องบิน และถนนภายในโครงการ ซึ่งคาดว่าปี 2563 จะสามารถเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการ

นายจรุณ มีสมบูรณ์. รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า สนามบินเบตงดำเนินการก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ซึ่งเห็นชอบในหลักการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม ดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ในวงเงิน 1,900 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี สนามบินแห่งงนี้เป็นท่าอากาศยานแห่งใหม่ ลำดับที่ 29 สังกัดกรมท่าอากาศยาน และนับเป็นท่าอากาศยานลำดับที่ 39 ของเมืองไทย มีจุดประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่อำเภอเบตงที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน มีเส้นทางคมนาคมทางถนนที่ลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งไม่สะดวกต่อการเดินทางเข้าถึง สนามบินแห่งนี้ ห่างจากตัวเมืองเบตง 10 กิโลเมตร มีทางวิ่งท่าอากาศยาน (รันเวย์) 1,800 เมตร สามารถรองรับอากาศยานขนาด ATR72 พร้อมกัน 3 ลำในเวลาเดียวกัน และในอนาคตสามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ อย่างแอร์บัส เอ-319 , เอ-320 และโบอิ้ง 737 ได้ มีอาคารที่พักผู้โดยสารขนาด 7,000 ตารางเมตร มีการนำไม้ไผ่มาประดับตกแต่ง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสัญลักษณ์และที่มาของชื่ออำเภอเบตง (เบตง มาจากคำภาษามาลายู หมายถึง ไม้ไผ่ ) โดยสามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้ 300 คนต่อชั่วโมง และรองรับผู้โดยสารได้ 876,000 คนต่อปี มีอาคารจอดรถยนต์รองรับได้สูงสุด 140 คัน

นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า สนามบินเบตงมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2563 ซึ่งจะทำให้การคมนาคมขนส่งภายในจังหวัดยะลา และการเชื่อมต่อสู่ประเทศมาเลเซียที่ด่านเบตงและพื้นที่ใกล้เคียงจะสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นจากปีละ 600,000 คน เป็น 1,000,000 คนต่อปี และมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี

///////////////////

 1,141 total views,  2 views today