อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน
(เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2562, เวลา15.30 ) พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้เดินทางไปชี้แจงสร้างความเข้าใจและขอโทษกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก เหตุการณ์ตรวจค้นเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ที่หมู่ 1 และ หมู่ 4 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลาตามที่มีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์Wartani
กล่าวคือจากเหตุการณ์ตรวจค้นเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ได้มีเจ้าหน้าประมาณ 500 นาย ได้ปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นบ้านเรือนในพื้นที่หมู่ 1 และ หมู่ 4 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา”ชาวบ้านรู้สึกตกใจเพราะเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นเวลาที่ชาวบ้านกำลังหลับนอนอยู่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ได้มาตรวจค้นบ้านทุกเรือน ซึ่งต่างกันกับครั้งที่ผ่านๆมา เจ้าหน้าที่จะเจาะจงบ้านเรือนที่อยู่ในเป้าหมายเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบ้านนายอุเซ็ง ยุมอ กำนัน ต.บ้านแหร บ้านนายอับดุลการิม ยุมอ นายกอบต.บ้านแหร บ้านผู้นำชุมชน บ้านกรรมการมัสยิด บ้านนายซาการียา บาเหะ ประธานชมรมอีหม่าม อ.ธารโต และบ้านนายซอมะ มะเซ็ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา (ส.อบจ.ยะลา) บ้านทุกเรือนถูกตรวจค้นเก็บดีเอ็นเอหมด” ชาวบ้านในพื้นที่บ้านแหรกล่าวการตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ห้ามชาวบ้านถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ และยังได้ตรวจเช็คโทรศัพท์มือถือของชาวบ้านอีกด้วย หากพบภาพหรือคลิปวิดีโอในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เจ้าหน้าที่ก็จะลบภาพนั้นทิ้งทั้งหมด
ด้าน Romzee Dokhor cso pataniได้โพสต์ข้อความบนFB ส่วนตัว “การปิดล้อม ตรวจค้น ควรเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ใช่เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดฝ่ายตรงข้าม” ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายซูการ์โน่ มะทา ส.ส.ประชาชาติ ได้โพสต์ข้อความบนFB ส่วนตัว เป็นห่วงกังวลกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนใต้ ปิดล้อมตรวจค้นบ้านชาวบ้าน หลายหมู่บ้าน และมีการตรวจ DNA ทั้งประชาชนและผู้นำท้องถิ่นซึ่งเหตุการณ์ต่างๆทำให้อดห่วงประชาชนตาดำๆไม่ได้ เพราะการกระทำรูปแบบนี้ยิ่งเป็นการสร้างความหวาดกลัว สุดท้ายจะผลักประชาชนไปสู่กลุ่มแนวร่วม จึงแจ้งประชาสัมพันธ์ทุกท่านสามารถร้องเรียนผ่านตัวแทนของประชาชนที่ทุกท่านเลือกมาได้ สภาผู้แทนราษฎรคือที่พึ่งของประชาชน”รู้สึกไม่สบายใจกับปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับการปิดล้อมหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน”#โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปูพรมตรวจค้นทุกหลังคาเรือนที่บ้านแหรต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา #พร้อมกับการตรวจ DNA จากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำธรรมชาติ ตลอดจนประชาชนทั่วไป
ปฏิบัติการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่แน่ใจกับแนวทางแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ของฝ่ายความมั่นคงว่าการทำแบบนี้จะเป็นการผลักประชาชนส่วนใหญ่ของที่นี้ไปเป็นแนวร่วมของฝ่ายขบวนการ หรือจะเป็นแสดงศักยภาพเพื่อข่มขู่ให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวกันแน่ หลังจากภาพข่าวแม่ทัพภาคที่4 กล่าวขอโทษทำให้เห็นกระแสประชาชนและประชาสังคมดังนี้
1.เห็นด้วยที่แม่ทัพออกมาขอโทษ
เช่นนางสาวอัญชนา หีมมีนะ จากกลุ่มด้วยใจกล่าวว่า “ขอแสดงความชืนชมต่อแม่ทัพภาค 4 ที่แสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษต่อปฏิบัติการทางทหารที่สร้างมลทินให้กับประชาชนแบบเหมา”
Romzee Dokhor นักศึกษา4 ส.ใต้รุ่นที่2 กล่าวว่า
“สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องชื่นชมในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่สี่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญครับอาจารย์ นักวิชาการ ภาคประชาชนหากมีโอกาสก็ควรสะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไปและขอขอบคุณอาจารย์(ผู้เขียน) อีกครั้งที่นำเสนอแนวคิดที่ดีครับ”
การที่แม่ทัพภาคที่4 ออกมาขอโทษและลงพื้นที่ร่วมกับส.ส.นับเป็นสิ่งที่ดี ในขณะที่สื่อภาคประชาชนที่ต่อสู้กับรัฐมาตลอดออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อโลกโซเซียลจนทำให้แม่ทัพออกมายอมรับความผิดพลาดในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นการแสดงความเขเทแข็งแม้จะถูกโจมตีว่าเป็นสื่อโจร
อย่างไรก็แล้วแต่ แม่ทัพภาคที่4 ได้แถลงเจตนารมณ์ว่า “หน่วยความมั่นคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อสร้างความสงบสุขและความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน เนื่องจากพบภาพข่าวความเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุรุนแรงและประกอบกับในห้วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่หลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังขาดความรอบคอบในการปฏิบัติและไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมที่จะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถือว่าความผิดพลาดในการปฏิบัติในครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ โดยพร้อมที่จะรับฟังทุกคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ของทุกภาคส่วน เพื่อจะนำไปปรับปรุงแก้ไขแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่อาจเป็นเงื่อนไขใหม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปขยายผลในอนาคต และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อค้นหาความจริงและแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ต่อไป”
.
บทเรียนและข้อเสนอ
ในโลกโซเซียลมีการนำเสนอว่าการขอโทษครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก อย่าน้อยก็ 5 ครั้งที่กอรมนใออกมาขอโทษชาวบ้านเรียงลำดับดังนี้ ครั้งที่หนึ่ง 21 กันยายน 2555 ระเบิดเทศบาลตะลุบัน สายบุรี ปัตตานี ครั้งที่สอง 25 มีนาคม 2558 คดียิงชาวบ้านที่โล๊ะชูด ครั้งที่สาม ทหารยิงชาวบ้านอำเภอมายอ ปัตตานี 28 กรกฎาคม 2560 ครั้งที่สี่26 เมษายน 2561ระเบิดจักรยายนต์ตลาดเมืองยะลา และครั้งที่ ห้าคือครั้งนี้
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10219929757094718&set=p.10219929757094718&type=3&theater)
การขอโทษเป็นสิ่งที่ดีแต่ชาวบ้านก็ดูอยู่ว่าหลังขอโทษใครจะรับผิดชอบ ใครจะจัดการคนทำผิด ซึ่งที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่า ชาวบ้านยังตั้งคำถามเรื่องเหล่านนี้อยู่
ครับเป็นกำลังใจแม่ทัพภาคที่ 4 และนับถือหัวใจท่าน กล้าขอโทษประชาชนชายแดนใต้สมชายชาติทหารรวมทั้ง ได้ยืนยันในเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และความสงบสุขในพื้นที่ภายใต้หลักกฎหมายที่เป็นธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งอย่างสันติวิธีเพื่อร่วมสร้างสันติสุขให้เป็นไปตามความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด และขอฝากไปถึงประชาชนหากมีเหตุการณ์ที่เป็นข้อสงสัยเกิดขึ้นในพื้นที่ หรือพบเหตุร้าย หรือการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่สามารถโทรสายตรงแจ้งถึงแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทันที ที่หมายเลข 06 1173 2999
หากเป็นไปตามนี้จริงก็จะทำให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาชายแดนใต้ร่วมกับท่านในบรรยากาศรัฐบาลใหม่ที่สัญญาว่าจะใช้การเมืองนำการทหาร
ตามที่นายอับดุลฮายี สาแม็ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 3 ยะลา พรรคประชาชาติ ซึ่งได้มาร่วมพบปะพูดคุยรับทราบปัญหาในครั้งนี้ได้ กล่าวว่า “ชื่นชมที่แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ได้ลงมาแก้ไขเหตุการณ์อย่างทันท่วงที พร้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อนของชาวบ้าน ตนในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป”
Dr.Chalita จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นางสาวอัญชนา หีมมีนะ จากกลุ่มด้วยใจได้เสนอว่า “อย่างไรก็ดีเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์การใช้อำนาจเกินว่าเหตุหรือเกินความจำเป็นและทำให้สูญเสียมวลชนในระยะยาวนอกจากคำขอโทษแล้วจะต้องมีมาตราการดังนี้
1. การเยียวยาสภาพจิตใจของหมู่บ้าน กรณีแบบนี้เรียกได้ว่าผลกระทบเกิดขึ้นแบบ Collective victims ซึ่งต้องมีกระบวนการเยียวยาที่เหมาะสม และต้องพิจารณาการเยียวยาตามกลุ่มอายุเช่น วัยรุ่นควรมีการเยียวยาดูแลแบบไหน ผู้สูงอายุได้รัยผลกระทบทางด้านสุขภาพหรือไม่ ใครเป้นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันต้องดูแลเป็นพิเศษไหม ผู้หญฺิงต้องเยียวยาแบบไหนและผู้ชาย จะทำอย่างไรไม่ให้เขาหวาดกลัวจนต้องหลบหนี
2 การลงโทษหรือคาดโทษผู้บังคับบัญชาที่ทำให้ปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลเสียต่อมวลชนจำนวนมาก ความเสียหายนี้อาจมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่กระทบถึงความมั่นคงปลอดภัยในวงกว้างเลยทีเดียว การลงโทษหรือคาดโทษหรือมีมาตรการมาป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ จะทให้ปฏิบัติการทางทหารเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบมากยิ่งขึ้น
3 การเฝ้าระวังการตอบโต้ล้างแค้น การหยิบฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ต่อไปจึงต้องจับตาดูแลความปลอดภัยให้กับผู้นำชุมชนที่กล้้าหาญในการยืนเคียงข้างประชาชน
4 สำคัญมาก เมื่อมีการเก็บดีเอ็นเอที่เกิดจากปฎิบัติการที่เกินกว่าเหตุ กับประชาชน จึงควรทำลายดีเอ็นเอที่เก็บทังหมดเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนในหมู่ 1 บ้านแหรว่าพวกเขาจะไมม่ถูกนำดีเอ็นเอไปใช้กล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม แม่ทัพเริ่มต้นในการสร้างมาตราฐานดีแล้วและจะดีกว่านี้ถ้าคำขอโทษไม่เป็นแค่คำที่ลอยตามลมโดยไม่มีมาตรการอื่นใดมารองรับ
ในขณะที่ Dr. Chalita Bundhuwong เสนอการแก้ปัญหาระยะยาวและถาวรคือการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปกองทัพ โดยท่านกล่าวว่า “ อย่าปล่อยให้การขอโทษนั้นกลายมาเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับกองทัพในการมาก้าวก่ายจัดการสังคม และมีอำนาจเหนือองคาพยพอื่น สำหรับภาคประชาสังคมควรมองปัญหาโครงสร้างให้ทะลุด้วย ไม่ใช่ทำงานประชุม สัมมนา ถอดบทเรียนนั่นนี่กันแทบจะกลายเป็นส่วนขยายของฝ่ายความมั่นคงและพูดภาษาเดียวกับฝ่ายมั่นคงไปหมดแล้ว ยังไงๆ ก็ขอให้คิดเรื่องอย่างการปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญกันบ้างนะคะ”
(อ้างอิงจากhttps://www.facebook.com/chalita.bundhuwong?fref=search&__tn__=%2Cd%2CP-R&eid=ARD-dAOG1zVhiO4fO95kTGDKB5yeH7dDcwpvo0kpVgUVlGDlF5k9dT3BJNhgsFX_h-qSvxGOsm_pjUeq)
หมายเหตุ
1.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจง แม่ทัพขอโทษในความผิดพลาด พร้อมแก้ไขร่วมกันเพื่อนำสันติสุขพื้นที่http://spmcnews.com/?p=18225
2.คดียิงชาวบ้านที่โล๊ะชูด
https://deepsouthwatch.org/dsj/th/2843
1,205 total views, 4 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.