เมษายน 26, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วม ตำรวจ ฝ่ายปกครอง แถลงผลงานแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรอบ 6 เดือน

แชร์เลย

อับดุลหาดี เจ๊ะยอ  SPM news ยะลา  รายงาน…


( 12 เม.ย.62 เวลา 09.00 น.) ที่ห้องรับประทานอาหารนายทหารสัญญาบัตร บก.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ตร.ภูธร ภาค 9 พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ผอ.ปปส.ภาค 9 ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นราธิวาส สงขลาและสตูล ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในรอบ 6 เดือน (ต.ค.61 – มี.ค.62) โดยมีผู้แทนคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ เข้ามาร่วมรับฟังการแถลงข่าว กว่า 50 คน  โดยทาง พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รักษาการเลขาธิการ ศอ.บต.ได้ ได้แถลงผลการปฏิบัติด้านการฟื้นฟูและการอบรมอาชีพให้กับผู้ติดยาเสพติด จำนวน 2,860 คน ใน 11 สาขาวิชาชีพ  ให้กับผู้ที่หายขาดหรือเลิกยาเสพติด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต คืนคนดี สู่สังคม อย่างยังยืนต่อไป


พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตามที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนสำคัญในด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นใช้มาตรการทางกฎหมายสำหรับผู้ค้า และมาตรการทางสังคมสำหรับผู้เสพที่ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูอย่างจริงจัง ตลอดจน เน้นการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติ ให้อภัย ใช้บทบาทของศาสนาในการลดปัญหายาเสพติด และการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน อีกทั้งน้อมนำการใช้ “ศาสตร์พระราชา” และยุทธศาสตร์คนดี ในการสร้างความยั่งยืนในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชนโดยตั้งเป้าหมายเพื่อส่งคืนบุตรหลานสู่อ้อมกอด อันอบอุ่นของครอบครัวอย่างน้อย 10,000 คน โดยการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลเกินความคาดหมาย มีผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแล้วกว่า 12,375 ราย โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้ ด้านการป้องกัน มุ่งเน้นสร้างภูมิคุ้มกันและภูมิป้องกันยาเสพติดให้ครอบคลุม 5 กลุ่มเป้าหมาย คือ ในหมู่บ้าน/ชุมชน ในสถานศึกษา นอกสถานศึกษา รร.ตาดีกา และสถาบันการศึกษาปอเนาะ โดยใช้แนวทางการสร้างชุมชนเข้มแข็งและจิตอาสาญาลันนันบารูเข้าดำเนินการ ปัจจุบันสามารถฝึกอบรมและจัดตั้งกลุ่มพลังจิตอาสาประชารัฐได้แล้วกว่า 10,000 คน ครอบคลุมพื้นที่ 37 อำเภอ 200 ตำบล 1,500 หมู่บ้าน

โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยพลังของชุมชนให้เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง นอกจากนี้ยังได้ขับเคลื่อนงานสร้างภูมิคุ้มกันผ่านมวลชนญาลันนันบารูและญาลันนันบารูจูเนียร์ที่ผ่านการฝึกอบรมและจัดตั้งแล้วกว่า 20,000 คน ด้านการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งดำเนินการต่อผู้ค้าในระดับต่างๆ โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับผู้ค้ารายย่อย ซึ่งเป็นปัญหาและสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้านและ ด้านการบำบัดรักษา มุ่งเน้นใช้มาตรการทางสังคม โดยใช้ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน จำนวน 224 ชุด เข้าดำเนินการในหมู่บ้าน ภายใต้กระบวนมีส่วนร่วมของชุมชนกอ.รมน.ภาค 4 สน. คือผู้นำสี่เสาหลัก และเวทีสภาสันติสุขตำบล เพื่อค้นหาผู้เสพเข้ารายงานตัว สู่กระบวนการคัดกรอง, บำบัดรักษา, ติดตามดูแลในชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยแบ่งระดับความรุนแรงเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้, กลุ่มผู้เสพ และกลุ่มผู้ติด เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ดังนี้ กลุ่มผู้ใช้, ผู้เสพ : ส่งเข้าบำบัด ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน และฟื้นฟูโดยใช้หลักศาสนา กลุ่มผู้ติด : ส่งเข้าค่ายพักพิงเพื่อการบำบัดหลักสูตร 35 วัน ( CAMP ๓๕ ) หรือส่งเข้าบำบัดที่โรงพยาบาลชุมชน, โรงพยาบาลทั่วไป, โรงพยาบาลศูนย์ และกรณีเป็นผู้ติดซ้ำซ้อนให้ส่งโรงพยาบาลธัญญารักษ์ หรือโรงพยาบาลจิตเวชต่อไป

ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต มุ่งดำเนินการต่อผู้ผ่านการบำบัด และหายขาดจากการติดยาเสพติดมาฝึกอบรมวิชาชีพตามความต้องการ และความสมัครใจ มีงานทำ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และจากนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ในห้วงที่ผ่านมา ได้ปรากฏผลให้เห็นเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม จากน้องๆทหารกองเกินที่เข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารกองประจำการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 17,646 นาย ตรวจพบปัสสาวะสีม่วง จำนวน 1,768 นาย คิดเป็นร้อยละ 10.02 ของจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกทั้งหมด และเมื่อเปรียบเทียบกับห้วงปีที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนน้องๆทหารกองเกินที่มีปัสสาวะสีม่วงลดลงเป็นจำนวนมากถึงร้อยละ 70 ซึ่งชี้ให้เห็นได้ว่าการดำเนินการกดดันโดยใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้า และมาตรการทางสังคมกับผู้เสพ ได้ผลเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ให้หมดสิ้นไป รวมถึงมาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้ารายใหญ่จนนำไปสู่การยึดทรัพย์ ควบคู่กับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด โดยจัดชุดปฏิบัตรการกิจการพลเรือน เข้าพบปะผู้นำสี่เสาหลักเพื่อขอความร่วมมือในการชักชวนผู้ติดสารเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย ปัจจุบันสามารถดำเนินการกับผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยได้แล้วกว่า 2,529 ราย ตลอดจน ตรวจยึดของกลางยาเสพติดได้หลายรายการ ที่สำคัญได้แก่  – ยาบ้า จำนวนกว่า 1,421,330 เม็ด กัญชา จำนวนกว่า 10,115 กิโลกรัม พืชกระท่อม จำนวนกว่า 19,173 กิโลกรัม ยาแก้ไอ จำนวนกว่า 4,000 ขวด ไอซ์ จำนวนกว่า 35 กิโลกรัม เฮโรอิน จำนวนกว่า 38 กิโลกรัม การบำบัดรักษา เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง จำนวน 12,375 ราย เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู จำนวน 10,259 ราย การติดตามผู้ที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟู จำนวน 4,885รายและ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการส่งเสริมอาชีพ จำนวน 94 ราย
ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ตร.ภูธร ภาค 9 กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติด ห้วงเดือนตุลาคม 2561 – ปัจจุบัน ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ได้มีการบูรณาการกำลังร่วมกันระหว่างเจ้าพนักงาน ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการต่อเป้าหมายผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนทั้งสิ้น 18,732 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 20,226 คน ในจำนวนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ดังกล่าวข้างต้น เมื่อแยกเฉพาะการสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยร่วมกันติดต่อและลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่ภาคกลาง มาส่งจำหน่ายให้กับเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดภาคใต้และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยสามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและตรวจยึดยาเสพติดได้ จำนวน 33 เครือข่าย ผู้ต้องหา จำนวน 57 คน สามารถตรวจยึดยาเสพติดของกลางได้ดังนี้ ยาบ้า จำนวน 10,854,849 เม็ด พืชกระท่อม จำนวน 43,486 กิโลกรัม ไอซ์ จำนวน 4๑4 กิโลกรัม กัญชา จำนวน 207 กิโลกรัม. เฮโรอีน จำนวน 21.94 กิโลกรัม
ทำการตรวจยึดทรัพย์เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มูลค่าประมาณ 108,048,726 บาท
สำหรับการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและการตรวจยึดยาเสพติดที่มีปริมาณยาเสพติดของกลางเป็นจำนวนมาก ประจำเดือนมีนาคม มีจำนวน ๗ ราย ดังนี้.-


1. เมื่อ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ชปส.สภ.หาดใหญ่, ชป.ขยายผล ภ.จว.สงขลา, เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ภาค 9 ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า จำนวน 50,000 เม็ด สถานที่เกิดเหตุ บริษัทขนส่งเคอรี่สาขาหาดใหญ่ ถนนสายเอเชีย ม.๑ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำผิด
2. เมื่อ 21 มีนาคม 2562 จนท.ตร.สภ.เมืองปัตตานี ร่วมกับ จนท.ทหาร ฉก.ปัตตานี 25 และฝ่ายปกครองร่วมกันจับกุมตัวนายซอฟวัน ปะดอ อายุ 25 ปี ที่อยู่ 59/2 ม.2 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จว.นราธิวาส และนายมายูดิง มามะ อายุ 34 ปี ที่อยู่ 75 ม.2 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จว.นราธิวาส พร้อมของกลางไอร์ จำนวน 18 กิโลกรัม, รถยนต์ 1 คัน สถานที่เกิดเหตุ บนถนนสาย 42 บริเวณหน้าจุดกลับรถ บ.หาดทิพย์ ม.9 ต.ตะลุโปะ อ.เมืองปัตตานี จว.ปัตตานี
3. เมื่อ 25 มีนาคม 2562 จนท.ตร.บก.สส.จชต. ร่วม จนท.ทหาร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายแวมูหะมะ ราแห อายุ 50ปีที่อยู่ 70/1 ม.3 ต.วัด อ.ยะรัง จว.ปัตตานี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 22,000 เม็ด,รถยนต์ จำนวน 2 คัน สถานที่เกิดเหตุ บริเวณริมถนนสายชนบท ม.1 ต.สาคอใต้ อ.มายอ จว.ปัตตานี
4. เมื่อ 28 มีนาคม 2562 จนท.ตร.สภ.หาดใหญ่ และ จนท.ตร.กก.สส.๒ บก.สส.ภ.9 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายศาสตร์ตรา หรือดีง บินกา อายุ 32 ปี ที่อยู่ 55/3 ม.5 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 290,000 เม็ด, ไอร์ น้ำหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 55/3 ม.5 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา
5. เมื่อ 4 เมษายน 2562 จนท.ตร.สภ.หนองจิก, ชป.ขยายผลคดียาเสพติด บก.สส.จชต. ร่วมกันตรวจยึดไอร์ จำนวน 84 กิโลกรัม, รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน ผู้ขับขี่ คือนายมะยูโซ๊ะ หะยีหามะ (หลบหนี) อายุ 46 ปี ที่อยู่ 18 ม.3 ต.กะโด อ.ยะรัง จว.ปัตตานี สถานที่เกิดเหตุ ริมถนนสาย 43 ม.4 ต.บางเขา อ.หนองจิก จว.ปัตตานี

6. เมื่อ 5 เมษายน 2562 จนท.ตร.สภ.หาดใหญ่ และ ขยายผลคดียาเสพติด ภ.จว.สงขลา และ ป.ป.ส.ภาค 9 ได้ร่วมกันจับกุมนายซูเรส บินนาดารัน อายุ 36 ปี สัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่ง น้ำหนัก 60 กิโลกรัม สถานที่เกิดเหตุ ขวัญดี รีสอร์ท อ.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา
7. เมื่อ 9 เมษายน 2562 ตร.กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ทำการจับกุมตัวนายนพดล หมัดบินเฮด อายุ 32 ปี ที่อยู่ 236/15 ม.7 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จว.สงขลา และ นายหนัดซอรี ขุนดำริห์ อายุ 37 ปี ที่อยู่ 248/9 ถ.รัถการ ต./อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 39,500 เม็ด, รถยนต์ จำนวน 1 คัน สถานที่เกิดเหตุ ถนนหน้าที่ทำการ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ถนนปัตตานีภิรมย์ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จว.ปัตตานี


ส่วนการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ/นักการเมือง ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในห้วงแต่ 1 ตุลาคม 2561 – 31 มีนาคม 2562 ได้ทำการจับกุมดำเนินคดี จำนวน 49 ราย โดยแยกเป็น ตำรวจ 24 ราย ทหาร 10 ราย, ฝ่ายปกครอง 13 ราย, นักการเมืองท้องถิ่น 1 ราย และ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 1 ราย
นอกจากนี้การปฏิบัติการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ห้วงวันที่ 1 – 10 เมษายน 2562 สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ได้จำนวนทั้งสิ้น 1,103 หมาย โดยแยกตามฐานความผิดได้ดังนี้ ฆ่าผู้อื่จำนวน 48 หมาย ปล้นทรัพย์จำนวน 8 หมาย ชิงทรัพย์ จำนวน 4 หมาย พยายามฆ่า จำนวน 31 หมาย วิ่งราวทรัพย์ จำนวน 10 หมายลักทรัพย์ จำนวน 189 หมาย ยักยอกทรัพย์ จำนวน 41หมาย ฉ้อโกงทรัพย์ จำนวน 81 หมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด จำนวน 332 หมาย ความผิดอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา จำนวน 161 หมาย ความผิดอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ. ที่มีโทษทางอาญาจำนวน 198 หมาย

รพี  มามะ บรรณาธิการข่าว.

////////////////////////////////

 541 total views,  2 views today

You may have missed