อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ): เรียบเรียง
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่าน และสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ประเด็นนี้เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในแนวคิดอิสลามร่วมสมัย โดยนักวิชาการและนักวิจัยได้จำแนกความแตกต่างระหว่าง “อิสลามในฐานะบรรทัดฐานและคุณค่า” กับ “การใช้อิสลามเป็นเครื่องมือทางการเมือง” เพื่อผลประโยชน์คับแคบของพรรคพวก
นี่คือคำอธิบายมุมมองของนักวิชาการและนักคิดร่วมสมัยต่อความย้อนแย้งที่ปรากฏนี้:
1. การแยกแยะระหว่าง “ศาสนา” กับ “ความคิดทางศาสนา”
นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่าอิสลามในฐานะวิถีชีวิตได้วาง คุณค่าสูงสุด สำหรับการเมืองไว้ (เช่น ความยุติธรรม, การปรึกษาหารือ (ชูรอ), และความซื่อสัตย์) แต่ปัญหาอยู่ที่ “การปฏิบัติทางการเมือง” นั้นเป็นความพยายามของมนุษย์ซึ่งมีโอกาสทั้งถูกและผิด
- ศาสนา: ศักดิ์สิทธิ์ สัจธรรม และปราศจากอคติ
- การเมือง: ศิลปะแห่งความเป็นไปได้ ตั้งอยู่บนการชิงไหวชิงพริบและผลประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- อันตราย: เมื่อเรานำสองสิ่งนี้มาปนกัน เราจะนำ “ความศักดิ์สิทธิ์” ไปมอบให้กับการตัดสินใจทางการเมืองของมนุษย์ที่อาจจะผิดพลาด ส่งผลให้การวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปกครองหรือพรรคการเมือง กลายเป็นการ “วิพากษ์วิจารณ์ศาสนา” ซึ่งถือเป็นความบิดเบือนที่อันตราย
2. การปกป้องศาสนาจากความผันผวนทางการเมือง
นักวิชาการระบุว่าการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอาจส่งผลเสียต่อศาสนามากกว่าผลดี ด้วยเหตุผลดังนี้:
- ความแตกแยก: แทนที่ศาสนาจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชาติ กลับกลายเป็นเครื่องมือแบ่งแยกผู้คนออกเป็นฝักฝ่าย (ฝ่ายนี้อยู่กับพระเจ้า ส่วนฝ่ายนั้นอยู่ตรงข้าม)
- การหาประโยชน์ส่วนตน: นักการเมืองอาจหยิบยกข้อความทางศาสนาเพียงบางส่วนมาสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ย้อนแย้งของตน ทำให้ข้อความเหล่านั้นสูญเสียความน่าเกรงขามและความน่าเชื่อถือในใจผู้คน
- การสร้างความเอือมระอา: หากโครงการทางการเมืองที่ชูคำขวัญทางศาสนาล้มเหลว ผู้คนอาจเชื่อมโยงความล้มเหลวของการบริหารงานเข้ากับความเสื่อมเสียของตัวบทศาสนาเอง
3. ความแตกต่างระหว่าง “การเมืองตามครรลองศาสนา” กับ “การฉกฉวยใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง”
แนวคิดร่วมสมัยจำแนกสองคำนี้ออกจากกัน:
- การเมืองด้วยศาสนา: คือการที่นักการเมืองยึดมั่นในจริยธรรมอิสลาม (ความสัตย์จริง, การไม่ทุจริต) ในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและควรสนับสนุน
- การใช้ศาสนาในการเมือง: คือการเปลี่ยนสัญลักษณ์ทางศาสนาให้กลายเป็น “ยี่ห้อสินค้า” เพื่อเข้าสู่อำนาจ หรือกดขี่ฝ่ายตรงข้ามด้วยการกล่าวหาว่าตกศาสนา (กุฟรฺ) หรือเป็นคนทรยศต่อศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับ
ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างสองแนวทาง
| หัวข้อเปรียบเทียบ | ศาสนาในฐานะบรรทัดฐานและคุณค่า (สิ่งที่ควรเป็น) | ศาสนาในฐานะเครื่องมือทางการเมือง (ข้อควรระวัง) |
|---|---|---|
| เป้าหมาย | บรรลุความยุติธรรมและประโยชน์ส่วนรวม | การเข้าสู่อำนาจหรือการกำจัดฝ่ายตรงข้าม |
| วิธีการนำเสนอ | แผนงานเชิงปฏิบัติที่ถอดบทเรียนจากจิตวิญญาณศาสนา | คำขวัญที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกและปลุกปั่นฝูงชน |
| การปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้าม | คู่แข่งทางวิสัยทัศน์ทางการเมือง | “ศัตรูของศาสนา” หรือ “ผู้ออกนอกลู่ทาง” |
| ความศักดิ์สิทธิ์ | การตัดสินใจของมนุษย์สามารถวิจารณ์และแก้ไขได้ | การตัดสินใจถูกห่อหุ้มด้วยคำกล่าวอ้างทางศาสนาเพื่อกันการวิจารณ์ |
บทสรุป: นักวิชาการร่วมสมัยไม่ได้เรียกร้องให้แยกศาสนาออกจากชีวิตหรือจริยธรรม แต่เรียกร้องให้ปกป้อง “ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา” จาก “ลัทธิเน้นผลทางปฏิบัติ (Pragmatism) ของการเมือง” เป้าหมายคือไม่ให้ศาสนากลายเป็นพาหนะไปสู่ผลประโยชน์ทางโลกที่ชั่วคราว แต่ให้คงฐานะเป็นเข็มทิศทางจริยธรรมที่ชี้นำสังคมโดยรวม
47 total views, 47 views today

More Stories
วิกฤตการเมืองรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ปลายปี 2025
อนาคตการเมืองชายแดนใต้ 2026 : จากวิกฤตศรัทธาท้องถิ่น สู่โจทย์ใหญ่การเลือกตั้งระดับชาติ
แด่ “อบูอุบัยดะห์” มหาบุรุษภายใต้ผ้ากุฟิยะห์: เมื่อเสียงแห่งสัจธรรมกลับคืนสู่พระเจ้า