ธันวาคม 31, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

จริงอยู่อิสลามเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ครอบคลุมรวมทั้งการเมือง แต่ อย่าใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง :โดยเฉพาะมัสยิด

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ): เรียบเรียง

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่าน และสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

     ประเด็นนี้เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในแนวคิดอิสลามร่วมสมัย โดยนักวิชาการและนักวิจัยได้จำแนกความแตกต่างระหว่าง “อิสลามในฐานะบรรทัดฐานและคุณค่า” กับ “การใช้อิสลามเป็นเครื่องมือทางการเมือง” เพื่อผลประโยชน์คับแคบของพรรคพวก

นี่คือคำอธิบายมุมมองของนักวิชาการและนักคิดร่วมสมัยต่อความย้อนแย้งที่ปรากฏนี้:

1. การแยกแยะระหว่าง “ศาสนา” กับ “ความคิดทางศาสนา”
นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่าอิสลามในฐานะวิถีชีวิตได้วาง คุณค่าสูงสุด สำหรับการเมืองไว้ (เช่น ความยุติธรรม, การปรึกษาหารือ (ชูรอ), และความซื่อสัตย์) แต่ปัญหาอยู่ที่ “การปฏิบัติทางการเมือง” นั้นเป็นความพยายามของมนุษย์ซึ่งมีโอกาสทั้งถูกและผิด

  • ศาสนา: ศักดิ์สิทธิ์ สัจธรรม และปราศจากอคติ
  • การเมือง: ศิลปะแห่งความเป็นไปได้ ตั้งอยู่บนการชิงไหวชิงพริบและผลประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • อันตราย: เมื่อเรานำสองสิ่งนี้มาปนกัน เราจะนำ “ความศักดิ์สิทธิ์” ไปมอบให้กับการตัดสินใจทางการเมืองของมนุษย์ที่อาจจะผิดพลาด ส่งผลให้การวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปกครองหรือพรรคการเมือง กลายเป็นการ “วิพากษ์วิจารณ์ศาสนา” ซึ่งถือเป็นความบิดเบือนที่อันตราย

2. การปกป้องศาสนาจากความผันผวนทางการเมือง
นักวิชาการระบุว่าการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอาจส่งผลเสียต่อศาสนามากกว่าผลดี ด้วยเหตุผลดังนี้:

  • ความแตกแยก: แทนที่ศาสนาจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชาติ กลับกลายเป็นเครื่องมือแบ่งแยกผู้คนออกเป็นฝักฝ่าย (ฝ่ายนี้อยู่กับพระเจ้า ส่วนฝ่ายนั้นอยู่ตรงข้าม)
  • การหาประโยชน์ส่วนตน: นักการเมืองอาจหยิบยกข้อความทางศาสนาเพียงบางส่วนมาสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ย้อนแย้งของตน ทำให้ข้อความเหล่านั้นสูญเสียความน่าเกรงขามและความน่าเชื่อถือในใจผู้คน
  • การสร้างความเอือมระอา: หากโครงการทางการเมืองที่ชูคำขวัญทางศาสนาล้มเหลว ผู้คนอาจเชื่อมโยงความล้มเหลวของการบริหารงานเข้ากับความเสื่อมเสียของตัวบทศาสนาเอง

3. ความแตกต่างระหว่าง “การเมืองตามครรลองศาสนา” กับ “การฉกฉวยใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง”
แนวคิดร่วมสมัยจำแนกสองคำนี้ออกจากกัน:

  • การเมืองด้วยศาสนา: คือการที่นักการเมืองยึดมั่นในจริยธรรมอิสลาม (ความสัตย์จริง, การไม่ทุจริต) ในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและควรสนับสนุน
  • การใช้ศาสนาในการเมือง: คือการเปลี่ยนสัญลักษณ์ทางศาสนาให้กลายเป็น “ยี่ห้อสินค้า” เพื่อเข้าสู่อำนาจ หรือกดขี่ฝ่ายตรงข้ามด้วยการกล่าวหาว่าตกศาสนา (กุฟรฺ) หรือเป็นคนทรยศต่อศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับ

ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างสองแนวทาง

หัวข้อเปรียบเทียบ ศาสนาในฐานะบรรทัดฐานและคุณค่า (สิ่งที่ควรเป็น) ศาสนาในฐานะเครื่องมือทางการเมือง (ข้อควรระวัง)
เป้าหมาย บรรลุความยุติธรรมและประโยชน์ส่วนรวม การเข้าสู่อำนาจหรือการกำจัดฝ่ายตรงข้าม
วิธีการนำเสนอ แผนงานเชิงปฏิบัติที่ถอดบทเรียนจากจิตวิญญาณศาสนา คำขวัญที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกและปลุกปั่นฝูงชน
การปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้าม คู่แข่งทางวิสัยทัศน์ทางการเมือง “ศัตรูของศาสนา” หรือ “ผู้ออกนอกลู่ทาง”
ความศักดิ์สิทธิ์ การตัดสินใจของมนุษย์สามารถวิจารณ์และแก้ไขได้ การตัดสินใจถูกห่อหุ้มด้วยคำกล่าวอ้างทางศาสนาเพื่อกันการวิจารณ์

บทสรุป: นักวิชาการร่วมสมัยไม่ได้เรียกร้องให้แยกศาสนาออกจากชีวิตหรือจริยธรรม แต่เรียกร้องให้ปกป้อง “ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา” จาก “ลัทธิเน้นผลทางปฏิบัติ (Pragmatism) ของการเมือง” เป้าหมายคือไม่ให้ศาสนากลายเป็นพาหนะไปสู่ผลประโยชน์ทางโลกที่ชั่วคราว แต่ให้คงฐานะเป็นเข็มทิศทางจริยธรรมที่ชี้นำสังคมโดยรวม

 47 total views,  47 views today