“ย้อนอดีต 15 ปีที่ผ่านมา” แนะนำหนังสือ: อนาคตกฎหมายอิสลามในประเทศไทย
(The Future of Islamic Law in Thailand)
ผู้เขียน: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ภาพรวมและวัตถุประสงค์
หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดผลการศึกษาเชิงคุณภาพและงานวิจัยเอกสาร เพื่อวิเคราะห์พัฒนาการ ปัญหา และแนวทางการบังคับใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกในประเทศไทย โดยมุ่งหวังที่จะเสนอแนะกรอบการทำงานในอนาคตเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตมุสลิมในสังคมพหุวัฒนธรรม
ประเด็นสำคัญจากการศึกษา
- รากฐานและพัฒนาการ: กฎหมายอิสลามเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตมุสลิม (อัลกุรอานและวัจนะศาสดา) โดยในไทยมีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขต 4 จังหวัดภาคใต้ พ.ศ. 2489
- สถานการณ์ปัจจุบัน: แม้มีกฎหมายรองรับแต่ยังพบข้อจำกัด เช่น อำนาจการตัดสินใจที่ลักลั่นระหว่างผู้พิพากษาและดะโต๊ะยุติธรรม การไม่สามารถอุทธรณ์/ฎีกาได้ และปัญหาเมื่อคู่กรณีย้ายภูมิลำเนาออกนอกเขตพื้นที่บังคับใช้
- ความท้าทายใหม่: การสมรสข้ามชาติ (โดยเฉพาะไทย-มาเลเซีย) และความหลากหลายของนิกาย/มัซฮับในกลุ่มมุสลิมไทย ซึ่งกฎหมายปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ
ข้อเสนอแนะเพื่ออนาคต (Key Recommendations)
เพื่อให้กฎหมายอิสลามในไทยมีความสมบูรณ์และเป็นสากล ผู้เขียนได้เสนอแนวทางดังนี้:
- ปฏิรูประบบศาล: เสนอให้จัดตั้ง “ศาลชารีอะฮ์” ที่มีระบบอุทธรณ์-ฎีกาชัดเจน และพัฒนาดะโต๊ะยุติธรรมไปสู่การเป็น “กอฎี” (ผู้พิพากษา) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ปรับปรุงระเบียบวิธีพิจารณา: จัดทำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความและลักษณะพยานให้สอดคล้องกับหลักอิสลาม แทนการใช้ ป.วิ.แพ่ง เพียงอย่างเดียว
- จัดตั้งสำนักงานทะเบียนอิสลาม: เพื่อกำกับดูแลทะเบียนสมรส-หย่า และสถานะทางศาสนาให้เป็นเอกภาพทั่วประเทศ ลดความสับสนในกรณีเปลี่ยนศาสนา
- การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท: สนับสนุนกระบวนการประนีประนอม (Mediation) ผ่านคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก่อนถึงขั้นฟ้องร้อง
- บทบาทสถาบันการศึกษา: ผลักดันให้มหาวิทยาลัย (เช่น ม.อ. วิทยาลัยอิสลามศึกษา) ผลิตบัณฑิตกฎหมายอิสลามที่เข้าใจบริบทท้องถิ่นและกฎหมายสากล
บทสรุป
หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่า “อนาคตกฎหมายอิสลามในไทย” จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนทัศน์ ทั้งจากภาครัฐในการยอมรับรูปแบบศาลที่เป็นเอกเทศมากขึ้น และจากชุมชนมุสลิมเองในการปรับปรุงตัวบทให้ทันสมัย โดยยึดถือบทเรียนจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ เป็นต้นแบบในการพัฒนา
หมายเหตุ อ่านเพิ่มเติม
-
หนังมือทั้งเล่ม ใน
https://deepsouthwatch.org/sites/default/files/archives/docs/naakhtkthmaay_islaam_10_-_1_-_54.pdf
126 total views, 126 views today

More Stories
วิเคราะห์สนามเลือกตั้งสงขลา เขต 7: เมื่อ “นักการศึกษา” ดุลยรัตย์ บูยูโส๊ะ ท้าชน “ยักษ์ใหญ่” อีก
21 ปี สึนามิ 2004: จากมหาวิปโยคสู่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
ถอดรหัส ครม. ศาสนาใหม่มาเลเซีย: การผงาดของ ‘รัฐมนตรีหญิง’ และวิสัยทัศน์อาเซียนของ ‘ดร. ซุลกิฟลี’ (ฝ่ายชาย)