วิเคราะห์สนามเลือกตั้งสงขลา เขต 7: เมื่อ “นักการศึกษา” ดุลยรัตย์ บูยูโส๊ะ ท้าชน “ยักษ์ใหญ่” อีก
นัยสำคัญของการขยับหมากโดย “ประชาชาติ” ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดนใต้
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ): เรียบเรียง
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

การเปิดตัว อาจารย์ดุลยรัตน์ บูยูโส๊ะ ภายใต้สังกัด พรรคประชาชาติ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ไม่ใช่เพียงการเพิ่มชื่อผู้สมัครรายใหม่ แต่คือการส่งสัญญาณ “เปลี่ยนเกม” ในเขตเลือกตั้งที่ 7 สงขลา (นาทวี, สะบ้าย้อย, และ ต.ลำไพล อ.เทพา) พื้นที่ที่มีความกึ่งกลางระหว่างวัฒนธรรมเมืองและวิถีท้องถิ่นชายแดนภาคใต้
1. โปรไฟล์ “ทางเลือกใหม่”: จากห้องเรียนสู่สภา
จุดแข็งที่สุดของ อาจารย์ดุลยรัตน์ คือการเป็น คนในพื้นที่และมีประสบการณ์ เช่น
-
สายวิชาการ/นวัตกรรม: การเป็น ผอ.โรงเรียนมิฟตาฮุดดีน และ ประธานชมรมโรงเรียนเอกชนเขตพิเศษฯ ที่มีประสบการณ์ด้านการศึกษา เช่น นำระบบ Open Approach และ Montessori มาใช้ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มองการศึกษาแค่เรื่องการสอนศาสนา แต่คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยมาตรฐานสากล
เป็นคนหนึ่งใช้การศึกษากับฟุตบอลเพื่อสร้างนักเรียนในพื้นที่สู่นักเตะอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ แต่มีการศึกษา ศาสนา และไม่ลืมวิถีชีวิต ภายใต้โครงการฟุตบอล IFC โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาภาคใต้ หมายถึง การแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ) ในภาคใต้ของไทย ภายใต้การดูแลของ สหพันธ์กีฬาฟุตบอลโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาภาคใต้ (IFC – Islamic Private School Football Confederation) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมกีฬาฟุตบอลในกลุ่มนักเรียนปอเนาะหรือเอชนสอนศาสนาอิสลามให้มีเวทีแข่งขัน พัฒนาทักษะ และส่งเสริมเยาวชนสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพในอนาคต โดยมีการแข่งขันหลากหลายรายการ เช่น IFC Champions League -
สายการเมืองท้องถิ่น: ประสบการณ์ 14 ปี ในตำแหน่ง รองนายกเทศมนตรีตำบลนาทวีนอก คือเครื่องการันตีว่าเขา “รู้จักพื้นที่” และ “ทำงานเป็น” ไม่ใช่เพียงนักวิชาการที่เพิ่งลงจากหอคอยงาช้าง
-
สายสันติภาพ: บทบาทภาคประชาสังคมในนาม ประธานคณะพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ (คพท.) ทำให้เขามีทักษะการเจรจาและเข้าใจมิติพหุวัฒนธรรมและความมั่นคงที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสี่อำเภอสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนใต้

2. สงคราม 3 ขั้ว: การปะทะของ “ผลงาน – บารมี – อุดมการณ์”
สนามเขต 7 ครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์กระแสนิยมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง:
| ผู้สมัคร | พรรค | จุดเด่น / ฐานเสียง |
|---|---|---|
| ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ | ภูมิใจไทย | แชมป์เก่า, โดดเด่นเรื่องงบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน, เข้าถึงง่าย, มีเครือข่ายอสม. เข้มแข็ง |
| ศิริโชค โสภา | ประชาธิปัตย์ | อดีต สส. หลายสมัย, ความเก๋าเกมระดับชาติ, ฐานเสียงเดิมของพรรคที่ยังมีความเหนียวแน่นในบางจุด |
| ดุลยรัตน์ บูยูโส๊ะ | ประชาชาติ | “คลื่นลูกใหม่” ที่ใช้การศึกษานำความมั่นคง, ฐานเสียงกลุ่มครู/ผู้ปกครอง และผู้นำศาสนา |
3. บทวิเคราะห์ความท้าทาย: “Giant Killing” จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ?
อาจารย์ดุลยรัตน์กำลังพยายามเปลี่ยน “สนามรบ” จากการสู้ด้วย กระสุนหรือบารมี ไปสู่การสู้ด้วย “นโยบายสีขาว” ซึ่งมีความท้าทายสำคัญ 3 ประการ:
-
การข้ามผ่านกำแพงความเชื่อ: แม้จะมีฐานเสียงมุสลิมที่ผูกพันกับการศึกษาและศาสนาอย่างหนาแน่น แต่ในเขต 7 มีสัดส่วนประชากรไทยพุทธและมุสลิม (มากกว่า) ที่อยู่ร่วมกัน อาจารย์ดุลยรัตน์ต้องพิสูจน์ว่านโยบายการศึกษาและสันติสุขของเขาสามารถกินความถึงคนทุกกลุ่มโดยไม่เลือกปฏิบัติ
-
แรงเสียดทานจากเจ้าของพื้นที่: ณัฏฐ์ชนน (ภูมิใจไทย) ขึ้นชื่อเรื่องการลงพื้นที่แบบ “ถึงลูกถึงคน” การจะเจาะฐานเสียงที่ยึดโยงกับผลประโยชน์เชิงประจักษ์ (ถนน, สะพาน, งบประมาณ) ด้วยเรื่อง คุณภาพการศึกษา จำเป็นต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าการศึกษาจะเปลี่ยน “เงินในกระเป๋า” พวกเขาได้อย่างไร
-
กระแสพรรคประชาชาติ: การชูแบรนด์ประชาชาติในสงขลา เขต 7 คือการวัดพลังว่าคนในพื้นที่มองพรรคเป็น “พรรคของคนมลายูมุสลิม” หรือ “พรรคที่เป็นความหวังของคนชายแดนใต้” ทั้งหมด
บทสรุป
การลงสนามของ อาจารย์ดุลยรัตน์ บูยูโส๊ะ คือการเดิมพันครั้งสำคัญของ พรรคประชาชาติ ในการขยายอิทธิพลจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าสู่ “ไข่แดง” ของสงขลาตอนล่าง
หากเขาสามารถรวมพลังกลุ่มโรงเรียนเอกชน องค์กรศาสนา และคนรุ่นใหม่ที่โหยหาการเมืองเชิงนโยบายได้สำเร็จ สนามนี้อาจเกิดเหตุการณ์ “ล้มยักษ์” ที่จะกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการเมืองไทย ว่าในที่สุดแล้ว “ชอล์กและกระดานดำ” จะสามารถเอาชนะ “คอนกรีตและบารมี” ได้หรือไม่?
202 total views, 202 views today

More Stories
21 ปี สึนามิ 2004: จากมหาวิปโยคสู่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
ถอดรหัส ครม. ศาสนาใหม่มาเลเซีย: การผงาดของ ‘รัฐมนตรีหญิง’ และวิสัยทัศน์อาเซียนของ ‘ดร. ซุลกิฟลี’ (ฝ่ายชาย)
“ดร.ไฟรูซ” สะท้อนการเมืองไทยก่อนเลือกตั้ง 69: แนะใช้ “จริยธรรมร่วม” วิจารณ์นโยบายแต่ไม่ทำลายความเป็นมนุษย์