เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล แต่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบอุดมศึกษาไทย เรามาวิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ผ่าน 4 มิติสำคัญ กันครับ
1. มิติทางอำนาจ: “ดาบสองคม” ในมือผู้สอน
ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และนิสิตคือ ความไม่เท่าเทียมทางโครงสร้าง (Power Imbalance) ซึ่งทฤษฎีของ French & Raven ได้จำแนกอำนาจที่ถูกนำมาใช้ผิดประเภทในกรณีนี้ไว้ดังนี้
- Coercive Power (อำนาจลงโทษ): ใช้วิธีตัดคะแนนหรือควบคุมอนาคตวิชาการเพื่อข่มขู่
- Legitimate Power (อำนาจตามตำแหน่ง): อ้างสิทธิ์ความเป็น “ครู” เพื่อบังคับให้ทำพฤติกรรมที่ละเมิดศักดิ์ศรี เช่น การสั่งกราบเท้า หรือการกักขังให้อยู่ใต้โต๊ะ
มุมมองนักวิชาการ: สังคมไทยมักใช้คำว่า “กตัญญู” และ “ลำดับอาวุโส” เป็นเครื่องมือปิดกั้นการตั้งคำถาม ทำให้อาจารย์บางส่วนกลายเป็น “ผู้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ” (Total Institution) ที่มุ่งทำลายอัตลักษณ์และสร้างความจำนนให้นิสิต
2. มิติสิทธิและพหุวัฒนธรรม: บาดแผลจากอคติ
พฤติกรรมการเหยียดศาสนาและเชื้อชาติต่อนิสิตมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการละเมิดกฎหมายและหลักสากลอย่างร้ายแรง
ละเมิดเสรีภาพการนับถือศาสนา (รัฐธรรมนูญ มาตรา 31)
3. มิติสุขภาพจิต: บาดแผลที่มองไม่เห็น
การล่วงละเมิดทางอารมณ์ (Emotional Abuse) ส่งผลกระทบที่รุนแรงและยาวนานไม่แพ้บาดแผลทางกาย
- ภาวะ PTSD: นิสิตอาจเกิดอาการตื่นตระหนกเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
- Authority Fear: การสูญเสียความไว้วางใจในระบบและผู้มีอำนาจ
- Dropout Risk: งานวิจัยชี้ว่านิสิตที่ถูกละเมิดมีโอกาสลาออกสูงกว่าปกติถึง 2.3 เท่า
4. มิติกฎหมายและจรรยาบรรณ: ความผิดที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ
พฤติกรรมดังกล่าวขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับหลายฉบับ ดังนี้
- พ.ร.บ. ป้องกันการทรมานฯ (2565): การกระทำที่สร้างความทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างร้ายแรง
- ประมวลกฎหมายอาญา: ความผิดฐานขู่เข็ญ (ม.397) และทำร้ายร่างกาย (ม.391)
- จรรยาบรรณวิชาชีพ (2565): การไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีโทษสูงสุดคือ ปลดออกหรือไล่ออก
เราสามารถมองปรากฏการณ์นี้ผ่านกรอบแนวคิดหลัก 3 ด้าน ดังนี้ครับ
1. โครงสร้างอำนาจนิยมในสถาบันการศึกษา (Authoritarianism in Education)
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการใช้อำนาจที่บิดเบือน (Abuse of Power) ของบุคลากรที่มีสถานะทางสังคมสูงกว่า (อาจารย์) ต่อผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า (นิสิต) คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครเอาฉันออกได้” แสดงให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่บุคลากรบางส่วนเชื่อว่าตนเองมีอำนาจล้นพ้นจนไม่ต้องเกรงกลัวต่อการตรวจสอบ (Accountability)
2. การละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Human Rights & Human Dignity)
พฤติกรรมการสั่งกราบเท้า การเหยียดศาสนา และการละเมิดสิทธิในร่างกาย (เช่น ไม่ให้เข้าห้องน้ำ) ไม่ใช่เพียงเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่เป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญและหลักสากล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพจิตใจและความปลอดภัยในพื้นที่การเรียนรู้
3. พลังของ “Active Citizen” ในคนรุ่นใหม่
การที่สภานิสิตออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ มีการแถลงการณ์ และใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกดดันให้เกิดการตรวจสอบ สะท้อนถึงการตื่นตัวทางการเมืองและสังคม (Social Awareness) ของนิสิตที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น
เพื่อให้เราเห็นภาพรวมและหาแนวทางป้องกันในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น ผมอยากชวนคุณเลือกประเด็นที่เราจะมาเจาะลึกกันต่อครับ
- กลไกการตรวจสอบ: เราควรมีระบบตรวจสอบบุคลากรในมหาวิทยาลัยอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “อำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้” เช่นนี้อีก
- ความหลากหลายและพหุวัฒนธรรม: จากการเหยียดศาสนาและเชื้อชาติในข่าว สังคมไทยควรมีแนวทางอย่างไรในการสร้างความเข้าใจและเคารพความแตกต่างภายในห้องเรียน
- การเยียวยาและพื้นที่ปลอดภัย: เราจะร่วมกันสร้างวัฒนธรรม “Safe Zone” ในสถานศึกษาให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร เพื่อให้นิสิตไม่ต้องเรียนด้วยความหวาดกลัว
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: ปฏิวัติเพื่อ “พื้นที่ปลอดภัย”
เพื่อให้การศึกษากลับมาเป็นแสงสว่าง สังคมไทยควรผลักดันมาตรการดังนี้
มาตรการเร่งด่วน (Immediate)
- คณะกรรมการอิสระ: ต้องมีคนนอกร่วมสอบสวนไม่น้อยกว่า 50% เพื่อความโปร่งใส
- Protection Policy: สั่งพักงานผู้ถูกกล่าวหาทันที และคุ้มครองพยานไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง
- Mental Health First Aid: เยียวยาจิตใจนิสิตโดยนักวิชาชีพทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
มาตรการยั่งยืน (Long-term)
- Student Support Center: จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือที่เป็นอิสระจากคณะ ไม่ขึ้นตรงกับสายบังคับบัญชาเดิม
- Online Reporting: ระบบร้องเรียนออนไลน์ที่ไม่ระบุตัวตน (Anonymous) และติดตามสถานะได้
- Mandatory Training: อาจารย์ทุกคนต้องผ่านการอบรม “การจัดการชั้นเรียนอย่างเคารพสิทธิ” และจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเข้มข้น
การที่สภานิสิตออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ คือสัญญาณของการ “ตื่นรู้ทางประชาธิปไตย” ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะนั่นหมายถึงเยาวชนไทยจะไม่ยอมรับวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่กัดกินอนาคตของพวกเขาอีกต่อไป
โดย.. อาจารย์อำนาจ (อับดุลอาซีซ) มะหะหมัด
หัวหน้าหลักสูตรอิสลามศึกษา (ออนไลน์ 100%) คณะศิลปศาสตร์
ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมฮาลาลและตะวันออกกลางศึกษา
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
#มูลนิธิสร้างชีวิตใหม่ #AnakMelayu #สถานพัฒนาอัจฉริยภาพเด็กฮานีน
#สถาบันฮานีน #สถาบันนวัตกรรมฮาลาลและตะวันออกกลางศึกษา
#อิสลามศึกษาออนไลน์100%
70 total views, 70 views today

More Stories
วิเคราะห์สนามเลือกตั้งสงขลา เขต 7: เมื่อ “นักการศึกษา” ดุลยรัตย์ บูยูโส๊ะ ท้าชน “ยักษ์ใหญ่” อีก
21 ปี สึนามิ 2004: จากมหาวิปโยคสู่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
ถอดรหัส ครม. ศาสนาใหม่มาเลเซีย: การผงาดของ ‘รัฐมนตรีหญิง’ และวิสัยทัศน์อาเซียนของ ‘ดร. ซุลกิฟลี’ (ฝ่ายชาย)