อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ในสภาวะที่โลกไร้พรมแดน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ซ้อนวิกฤต เมื่อ “เงินสีเทา” จากอาชญากรรมข้ามชาติไหลเข้าสู่เส้นเลือดใหญ่ผ่านโครงการระดับชาติ ขณะที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ กระแสการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์ความซื่อสัตย์กับอำนาจทุนกำลังเข้มข้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บทนำ: เงามืดใต้ความเจริญและตัวเลขที่น่าตกใจ
จากการสนทนาระหว่าง อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ และ อาจารย์อำนาจ มะหะหมัด ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมฮาลาลและตะวันออกกลางศึกษา (DPU) สะท้อนภาพที่น่าสะพรึงกลัว ข้อมูลจาก Global Financial Integrity ระบุว่าไทยมีเงินไหลออกผิดกฎหมายสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทต่อปี ตัวเลขมหาศาลนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติ แต่คือ “สัญญาณอันตราย” ที่ฟ้องว่าไทยกำลังกลายเป็นแหล่งซักฟอกเงินของอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะการแฝงตัวมากับโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติที่ดูเหมือนเป็นการพัฒนา แต่เบื้องหลังกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือชุบตัวให้กลุ่มทุนมืด
อธิบาย: กลไกการฟอกเงินและการกัดเซาะอธิปไตย
กระบวนการ “ชุบตัว” ของเงินผิดกฎหมายในปัจจุบันถูกพัฒนาให้ซับซ้อนผ่าน 3 ช่องทางหลัก และขยายผลไปสู่การควบคุมอำนาจรัฐ ดังนี้:
1. สามกลไกหลักในการเปลี่ยนเงินสกปรกเป็นทรัพย์สินสวยงาม
- อสังหาริมทรัพย์ระดับบน: การใช้ ‘นอมินี’ ซื้อคอนโดหรูด้วยเงินสด โดยอาศัยนิติบุคคลที่ซับซ้อนอำพรางชื่อเจ้าของที่แท้จริง
- ม่านควันดิจิทัล (Crypto): การใช้เทคนิค Chain Hopping หรือการโอนย้ายเหรียญไปมาหลายสกุลเพื่อตัดตอนเส้นทางการติดตามของเจ้าหน้าที่
- ธุรกิจนฤมิต: การสร้างรายได้ปลอมผ่านร้านอาหารหรือสถานบันเทิง เพื่อนำเงินเข้าสู่ระบบธนาคารอย่างถูกกฎหมาย
2. การยึดครองการบริหารงาน (Capture of Governance)
จุดที่น่ากังวลที่สุดคือการที่เงินเหล่านี้กลายเป็น “ท่อน้ำเลี้ยงการเมือง” เมื่อทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง จะเกิดสภาวะ “รัฐอ่อนแอโดยเจตนา” กฎหมายจะถูกทำให้หย่อนยานโดยเฉพาะกับรายใหญ่ ส่งผลให้การตรวจสอบผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง (UBO) ทำได้ยากยิ่ง
3. สมรภูมิชายแดนใต้: การเมืองสีขาว ปะทะ ทุนเทา
ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และบางส่วนของสงขลา พลวัตนี้มีความเข้มข้นเป็นพิเศษ เนื่องจากมีปัญหา “ทุนเทา” จากการค้าข้ามแดนและน้ำมันเถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าสนใจคือ:
- พลังเยาวชนและผู้รู้ศาสนา (อุลามาอ์): การผนึกกำลังเพื่อพิทักษ์หลัก อะมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ) และต่อต้าน ริชวะฮฺ (สินบน) โดยมองว่าการซื้อเสียงคือสิ่ง “หะรอม”
- ปฏิญญาชุมชน: เช่น กรณี “บ้านโคะ” จ.นราธิวาส ที่รวมตัวกันประกาศจุดยืนการเมืองสีขาว ไม่รับเงิน ไม่ขายเสียง เพื่อเลือกคนที่มี “ตักวา” (ความยำเกรงพระเจ้า) และ “ความสามารถ” เข้าไปบริหาร

สรุปและข้อเสนอแนะ: กอบกู้อธิปไตยทางการเงินและศักดิ์ศรีการเมือง
การต่อสู้ระหว่าง “หลักการ” และ “ทุน” ในสนามเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ทั้งระดับท้องถิ่น (มกราคม 2569) และระดับชาติ (กุมภาพันธ์ 2569) คือบทพิสูจน์สำคัญว่าอุดมการณ์และความซื่อสัตย์จะสามารถเอาชนะอำนาจเงินมืดได้หรือไม่
ข้อเสนอแนะเพื่อทางออกของชาติ:
- ความโปร่งใสเชิงลึก: รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายเปิดเผยผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง (UBO) ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานทุกระดับ (เช่น EEC หรือรถไฟความเร็วสูง) เพื่อป้องกันการตั้งราคาสูงเกินจริง (Over-invoicing)
- พลังประชาชน: ส่งเสริมให้การ “ไม่รับเงิน” คือการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรี เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถแต่ไม่มีทุนได้เข้าสู่สภา
- การเมืองเพื่อความยุติธรรม: ปรับเปลี่ยนมุมมองจากการเมืองเรื่องผลประโยชน์ เป็นการเมืองเพื่อสร้าง “ความเมตตาแก่โลกทั้งมวล” (Rahmatan Lil’alamīn)
หากคนไทยสามารถกอบกู้อธิปไตยทางการเงินคืนจากเงื้อมมืออาชญากรรมข้ามชาติและทุนเทาได้ ความซื่อสัตย์จะกลายเป็น “สกุลเงิน” ที่มีค่าที่สุดในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
238 total views, 238 views today

More Stories
“หมอจอย” เพชรดาว โต๊ะมีนา สวมเสื้อ “กล้าธรรม” ชิง สส.ปัตตานี เขต 1 ชูโรดแมป “กมธ.สันติภาพ” ดับไฟใต้
ภาษาอาหรับในประเทศไทย: จากรากเหง้าศรัทธาสู่กุญแจขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
เส้นแบ่งที่พรรคประชาชนต้องเลือก: เมื่อ “เสรีภาพ” ปะทะ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” กรณีโชติศักดิ์ อ่อนสูง กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ภายในพรรคประชาชน (ปชน.)