ผู้นำศาสนาผนึกนักวิชาการ ส่งสัญญาณแรง! ยาเสพติดคือ “ภัยความมั่นคงมนุษย์” ชายแดนใต้

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ทุกท่าน

“เมื่อผู้นำศาสนาจับมือนักวิชาการส่งสัญญาณแรง : ยาเสพติดภัยความมั่นคงมนุษย์ชายแดนใต้และสังคมมุสลิมถ้าทุกภาคส่วนไม่รีบแก้ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ”

ผลวิจัยชี้วงจรอุบาทว์ ‘ยากจน–ความรุนแรง–ยาเสพติด’ เรียกร้องรัฐบาลปฏิรูมนโยบายเร่งด่วน

     ปัตตานี, 12 พฤศจิกายน 2568 – ผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดปัตตานีได้จับมือกับนักวิชาการด้านการพัฒนา ส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างแข็งกร้าว โดยระบุว่า “ยาเสพติดคือภัยความมั่นคงมนุษย์” ที่กำลังกัดกร่อนสังคมมุสลิมและเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากทุกภาคส่วนไม่เร่งแก้ไขอย่างจริงจังทั้งระบบ

     การเคลื่อนไหวสำคัญนี้เกิดขึ้นในงานรายงานการศึกษา “ปัญหายาเสพติด ความเปราะบางของเยาวชน และความยืดหยุ่นของชุมชน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี, มูลนิธิยุมอียะห์ อุลามาอจังหวัดปัตตานีดารุสสลาม และสถาบันวิจัยและพัฒนามนุษย์ปัตตานี (INSANI) ณ ห้องประชุมวิทยาลัยอีหม่าม สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี

     กิจกรรมดังกล่าวมี ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิด โดยมีนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา และผู้แทนจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง สะท้อนความตระหนักถึงวิกฤตที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ

ผลวิจัยตอกย้ำ: ยาเสพติดเชื่อมโยงวิกฤตสังคม

คณะกรรมการอิสลามฯ, มูลนิธิฯ และสถาบัน INSANI ในฐานะผู้ดำเนินการวิจัย ได้ออกแถลงการณ์ร่วม โดยมีเนื้อหาที่น่าตกใจและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิรูปนโยบาย:

• วงจรอุบาทว์ทำลายเยาวชน: ผลการศึกษาพบว่าปัญหายาเสพติดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ซับซ้อน เชื่อมโยงกับความยากจน, ความรุนแรงในครอบครัว และการหลุดออกจากระบบการศึกษา ทำให้เยาวชนตกอยู่ในห้วงภัยร้ายของสารเสพติดหลายชนิด ทั้งน้ำต้มพืชกระท่อม, กัญชา, เฮโรอีน และยาบ้า
• ความขัดแย้งเปิดช่องการระบาด: ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามฯ กล่าวอย่างเสียใจว่า
  “สิ่งที่เราเสียใจที่สุดคือ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมายาวนานเปิดช่องให้เกิดการแพร่ระบาดของสารเสพติดหลายชนิด… เราจำเป็นต้องมีการปฏิรูปแนวทางจากต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยเร่งด่วน”
• รากเหง้าปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐ: แถลงการณ์ระบุถึงรากเหง้าของปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ มาจาก “การทุจริตในหมู่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและผู้บังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งผู้นำชุมชนบางรายไม่ได้แสดงต้นแบบที่ดีต่อเยาวชน” ทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงจนถึงขั้นเรื้อรัง

แสงแห่งความหวังจากชุมชน และข้อเรียกร้องถึงรัฐ

แม้สถานการณ์จะรุนแรง แต่เวทีแถลงข่าวได้ชี้ให้เห็นถึงความริเริ่มของชุมชนท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ เช่น ศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาโดยชุมชน (Community-Based Treatment)

“อัลฮัมดุลิลละฮฺ ศูนย์บำบัดฟื้นฟูโดยชุมชนได้สร้างแสงแห่งความหวัง รัฐบาลควรเปิดหูเปิดตาและให้การสนับสนุนต่อโครงการของประชาชนเพราะวิธีการของรัฐที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เกิดผลสำเร็จ”
ประธานสถาบัน INSANI กล่าว

จากผลการวิจัยและเสียงสะท้อนจากพื้นที่ คณะผู้จัดทำจึงได้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการ ดังนี้:

• การสนับสนุนศูนย์บำบัดโดยชุมชน: รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอแก่ศูนย์บำบัดที่ดำเนินงานโดยชุมชน เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ได้รับความเชื่อถือและมีประสิทธิภาพมากกว่า พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์บำบัดเฉพาะสำหรับผู้ติดยาที่เป็นผู้หญิง
• การสร้างความตระหนักรู้และการปฏิรูปนโยบาย: ดำเนินแคมเปญสร้างความตระหนักรู้และการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อเปิดพื้นที่อภิปรายเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด รวมถึงจัดให้มีเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในการปฏิรูประบบนโยบายของรัฐ
• การจัดตั้งองค์กรร่วมนำโดยชุมชน: จัดตั้งองค์กรร่วมด้านการป้องกันยาเสพติดที่นำโดยชุมชนและทำงานร่วมกับรัฐบาลกลาง เพื่อออกแบบกรอบการปฏิรูปนโยบายให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่

การรวมพลังของผู้นำศาสนาและนักวิชาการในครั้งนี้ ถือเป็นเสียงสะท้อนที่หนักแน่นที่สุดจากภาคประชาสังคมชายแดนใต้ ที่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลกลางหันมามองวิกฤตยาเสพติดในฐานะ “ภัยความมั่นคงมนุษย์” ที่ต้องแก้ไขด้วยความเข้าใจบริบทท้องถิ่นและศรัทธาในพลังของชุมชนอย่างแท้จริง

หากคุณต้องการรับชมภาพบรรยากาศและรายละเอียดการแถลงข่าวเพิ่มเติม สามารถรับชมไลฟ์ย้อนหลังได้ที่:
https://www.facebook.com/share/v/17GqcPhEJw/?mibextid=wwXIfr

 5,595 total views,  4 views today