นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง (กสม.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยถึงแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ตามนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. โดยมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือจากชุมชน และชี้ว่านอกจากเรื่องอาชีพแล้ว การฟื้นฟูจิตใจก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
นายธีรวิทย์กล่าวว่า หลังจากที่ผู้เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการฟื้นฟูสภาพทางสังคม ซึ่ง “เรื่องของอาชีพเป็นแค่มิติหนึ่ง แต่เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย” เพราะการจะให้คนเลิกในสิ่งที่เคย “หลงรัก” นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงต้องมองให้ลึกไปถึงการเยียวยาจิตใจและอารมณ์ ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานในการจัดกิจกรรมที่ช่วยเยียวยา เช่น ศิลปะ
สำหรับความคืบหน้าของโครงการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” นายธีรวิทย์ยืนยันว่าตัวชี้วัดต่างๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่คาดหวังคือการขยายผลจากการควบคุมพืชกระท่อมไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดชนิดอื่นๆ และทำให้สิ่งของที่ซื้อง่ายขายคล่องในพื้นที่หายไปในบางพื้นที่และหลายพื้นที่ค่อยๆ ขยับหายไป


ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่โครงการนี้มุ่งเน้นคือ การสร้างความตระหนักรู้และการปฏิเสธยาเสพติด โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชน นายธีรวิทย์ระบุว่า “วันนี้ กลุ่มพลังเยาวชนจาก 25 สถาบันการศึกษา ได้ลุกขึ้นมาแสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนที่จะปฏิเสธและประกาศไม่เอาเรื่องยาเสพติด” และจะช่วยกันขยายผลไปสู่กลุ่มเยาวชนอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ นโยบายของเลขาธิการ ศอ.บต. จะให้ความสำคัญกับ การสนับสนุนชุมชนที่แสดงเจตจำนงค์ชัดเจนในการปฏิเสธยาเสพติด โดย ศอ.บต. จะไม่เพียงแค่สนับสนุนด้านทรัพยากร แต่จะ “ให้เกียรติ” และส่งเสริมให้ชุมชนเหล่านั้นเป็นต้นแบบ เพื่อสร้างเครือข่ายความเข้มแข็งจากภายใน นอกจากนี้ ศอ.บต. ยังมีแผนงานที่ชัดเจนในการ “ส่งเสริมอาชีพ” ให้กับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงในชุมชน โดยมีเป้าหมายครอบคลุม 200 ชุมชน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และป้องกันไม่ให้บุคคลเหล่านี้หันกลับไปพึ่งพายาเสพติดอีก
เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ศอ.บต. ได้เชิญตัวแทนจาก 200 ชุมชนเป้าหมาย เข้าร่วม เพื่อร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ภายในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
นายธีรวิทย์ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า “พลังสังคม” จะสามารถยับยั้งปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หากมีการบูรณาการความร่วมมือไปพร้อมๆ กับภาครัฐในทุกมิติ




ภาพ/ข่าว
อับดุลหาดี เจ๊ะยอ
จ.ยะลา
47,368 total views, 2 views today

More Stories
โรงเรียนสอนศาสนา ดารุสสาลามฯ นราธิวาสยื่นมือช่วย ปอเนาะโคกยาง จะนะ หลังอุทกภัยรอบ 100 ปี จะนะ
มหาอุทกภัยจะนะรอบ 100 ปี “กระทบกับคนทั้งอำเภอ”: บทเรียนราคาแพงจาก “พื้นที่รับน้ำ” ที่ถูกถมทิ้ง พร้อมบทสะท้อนทำไม คนจะนะจึงคัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐตลอด
นายก อบต.ยะรม จัดรถบรรทุกขยะ 6 ล้อ คันใหม่ ช่วยเหลือชาวยะรม ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่กลับบ้าน