มีนาคม 29, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ระวัง#จุดประทัด สร้างความเดือดร้อนผิดทั้งกฎหมายและหลักศาสนา ฝากทุกร่วมด้วยช่วยกัน

แชร์เลย

การจุดประทัด แม้ส่วนใหญ่ของชาวมุสลิมปาตานี/ชายแดนภาคใต้ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่วิถี แต่ปฏิเสธ ไม่ได้ว่า เสียงที่ดังของประทัด ดอกไม้ไฟอันเป็นผลจากบางคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ วัยรุ่น เอามาจุดช่วงเดือนรอมฎอน และวันอีด(ฮารีรายอ)นั้นทำให้ถูกมองว่า เป็นวิถีไปแล้ว การจุดประทัดดังกล่าวแม้อาจเป็นเรื่องที่น่าสนุก น่าตื่นเต้น แต่ก็อาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน
อันตรายจากการจุดประทัด มีผลกระทบต่อสุขภาพ มีดังนี้

1.อันตรายจากการเกิดไฟไหม้และการระเบิด จะเกิดความเสียหายต่อชีวิต การบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้

2.อันตรายจากการได้รับสารเคมี เช่น สารแบเรียมไนเตรต ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหู ตา จมูก และผิวหนัง ทำลายตับ ม้าม และเกิด อัมพาตที่แขน ขา และบางรายอาจทำให้เสียชีวิตได้

3.อันตรายจากความดังของเสียงระเบิดมีระดับเสียงกระแทกสูงถึง 130 เดซิเบล เอ มีผลทำให้เราเกิดอาการหูตึงชั่วคราว แต่หากได้ยินติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลทำให้เกิดอาการหูตึงถาวร

4.อันตรายจากความร้อนของประทัด ดอกไม้ไฟ หรือพลุ สามารถทำให้ผิวหนังไหม้ได้
นอกจากอันตรายแล้วถ้าเราติดตามข่าวช่วง10 ปีหลังนี้ หน่วยงานของรัฐเข้มงวดอย่างมาก มีการประกาศตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยห้ามมิให้ ซื้อขาย หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ดังประกาศล่าสุด ห้ามมิให้ผู้ใด ซื้อ ขาย ใช้ ดอกไม้เพลิงทุกชนิด ในช่วงเดือนรอมฎอน ตั้งแต่ 12 เมษายน 2564 – 28 พฤษภาคม 2564)
กล่าวคือ “
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาคในภาค 4 ส่วนหน้า ประกาศ ห้ามมิให้ผู้ใด ซื้อ ขาย ใช้ ดอกไม้เพลิง ประทัดและสิ่งเทียมที่ทำให้เกิดเสียงดัง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบตลอดเดือนรอมฎอน เว้นการประกอบศาสนกิจของประชาชน เชื้อสายจีน ณ สถานที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาคในจังหวัดฯ กำหนด เช่น ศาลเจ้า สมาคม ฯลฯ


.
สำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องซื้อ ขาย ใช้ ดอกไม้เพลิง ประทัดและสิ่งเทียมที่ทำให้เกิดเสียงดัง หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการเคลื่อนย้ายสิ่งของดังกล่าว ผ่านพื้นที่ จังหวัดปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ในห้วงเดือนรอมฎอน ให้ขออนุญาต ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาคในภาค 4 เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ให้สามารถเคลื่อยย้ายได้ ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
#นอกจากนั้นยังผิดหลักการอิสลาม
ไม่ว่าจะเป็นการนำเงินไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยดังที่
อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

“จงกินและดื่ม และจงอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริง พระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือย?”
รบกวนผู้อื่น และความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้านชุมชนโดยเฉพาะช่วงรอมฎอนที่ผู้คนต้องการความสงบในการปฏิบัติศาสนกิจ
ดังที่ท่านนะบี (ศาสนฑูตมุฮัมมัด)ได้กล่าวจากฮะดีษ(วัจนะศาสดา)บทหนึ่ง ซึ่งรายงานโดย อบูสะอี๊ด อัลคุดรีย์ แจ้งว่า ท่านนะบี กล่าวว่า

“อย่าก่อความเดือดร้อนเสียหายให้เพื่อมนุษย์ โดยไม่มีสิทธิ์ ทั้งในร่างกาย เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ลูกหลาน และทรัพย์สินของพวกเขา”

“ผู้ใดก่อความเดือดร้อน อัลลอฮ์ จะทรงให้เขาได้รับความเดือดร้อน

และผู้ใดทำความลำบากยุ่งยาก อัลลอฮ์ จะทรงให้เขาประสบกับความลำบากยุ่งยาก”
จึงฝากทุกภาคส่วน ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง ผู้นำศาสนา ผู้นำสี่เสาหลัก สภาสันติสุข อส. ชรบ และขอแรงพลังแกนนำเยาวชนในรณรงค์และจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นเอกภาพ รวมทั้งยาเสพติดที่กำลังระบาดอยู่ด้วย

 14,907 total views,  2 views today

You may have missed