เมษายน 19, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

แม่เด็กกำพร้าสามพี่น้องสัญชาติมาเลเซียปลื้ม กลั้นน้ำตาไม่อยู่หลังทราบข่าวดีจาก จนท.กงสุลมาเลเซียจันทร์นี้ได้กลับมาเลย์

แชร์เลย

ข่าว/ภาพ ตูแวดานียา มือรีงิง

(18 ธันวาคม 63)  ณ บ้านเลขที่ 120 ม.1 ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา มีพันเอก (พิเศษ) นายแพทย์โชคชัย ขวัญพิชิต รอง.ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมด้วยน.ส.มนัสวรรณ หะมะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กองบังคับการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชุด ชป.กร. กรมทานพรานที่ 41 พร้อม คอลีเยาะ หะหลี ประธานชมรม อาสาคลายทุกข์ จชต.ให้การต้อนรับนายซารีซัล เบ็ญ รอมลี กงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา ที่เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวสากีนาและแจ้งข่าวดีหลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้อนุญาตให้ข้ามแดนเพื่อกลับไปยังมาเลเซียในวันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563 นี้ พร้อมกันนี้นายซารีซัลได้มอบ Emergency Pass ให้กับเด็กชายทั้งสามคนเพื่อเป็นหลักฐานในการข้ามแดนในวันจันทร์นี้ เนื่องจากทั้งเด็กทั้งสามคนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยโดยไม่มีหนังสือเดินทางและมอบเงินจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าใช้จ่ายในมาเลเซียต่อไป


“หลังจากที่เข้ามาเลเซียแล้วเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณะสุขมาเลเซียจะทำการตรวจโควิค19 และหลังจากตรวจเสร็จก็จะพาไปยังศูนย์กักตัว ณ ศูนย์กักตัวที่เตรียมโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เป็นระยะเวลา 14 วัน และค่าใช้จ่ายในการกักตัวทางกระทรวงสาธารณะสุขมาเลเซียจะพิจารณาตามความเหมาะสมว่าสากีนามีความสามารถในการจ่ายหรือไหมตรงนี้ขึ้นอยู่กับการต่อร้องที่ ICQ ที่รันตูปัญยังในวันจันทร์นี้” นายซารีซัลกล่าว
ซารีซัลกล่าวอีกว่าสถานกงสุลมาเลเซียได้ประสานอย่างใกล้ชิดกับกองทุนซากาตรัฐสลางอ โดยทางสำนักงานกองทุนซากาตจะให้การช่วยเหลือสากีนาและลูกๆต่อไป
“ทุ่นการศึกษาของลูกๆ ประจำปี 2021 ทางกองทุนซากาตสลางอก็ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นการกักตัวสามารถเข้าไปรับได้ที่กองทุนซากาตซาลางอที่สาขาบันดาร์ตนฮูเซนออนที่เชอรัส” กงสุลมาเลเซียกล่าว


ด้านสากีนาได้ขอบคุณองค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคมและกงสุลมาเลเซียที่ให้การช่วยเหลือเธอและลูกๆมาตลอหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ขอบคุณฝ่ายไทยและมาเลเซีย ทางกงสุลมาเลเซีย วันนี้กะและลูกๆจะได้กลับมาเลเซียแล้ว ขอบคุณน้องๆ ที่ค่อยให้ความเหลือเหลือโดยเฉพาะกะเยาะ แบตูแว เดะมัน หากทั้งสามคนไม่ได้ช่วยคงจะไม่มีในวันนี้ บว่าโชคดีมากที่อัลลอฮได้เปิดใจให้พบกับแบตูแว และกะเยาะ เดะมันก็เช่นกัน หากไม่ได้รับการประสานช่วยเหลือไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกๆ คงจะลำบากและอาดัมจะปวดเท้าไปอีกนาน” สากีนากล่าวด้วยเสียงสะอึ้ง และกล่าวว่า
“หลังจากเสร็จจากการกักตัวสามสี่วันก็จะพาอาดัมไปหาหมอเป็นอันดับแรก จะจัดดารในเรื่องการรักษาอาดัมให้เสร็จก่อน และหลังจากนั้นกะก็จะเริ่มทำงานตามปกติจะขายนาซิลือเมาะ เพราะหลังจากที่สามีเสียชีวิตไปกะเลี้ยงชีพและเลี้ยงลูกๆด้วยขายนาซิลือเมาะ” แม่เลี้ยงเดี่ยวกล่าวด้วยความตื่นตันใจ
และสากีนาอยากให้ลูกๆ เป็นลูกที่ซอและฮ์ ลูกที่ดี และได้เรียนสูงๆ เพราะเราไม่มีใครอีกแล้วนอกจากลูกสามคนเท่านั้น


“ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าทีกงสุลมาเลเซียที่ช่วยเหลือให้ผมได้กลับมาเลเซีย ผมคิดถึงเพื่อนๆ และคุณครูที่โรงเรียนทุกคน และตอนนี้ผมรู้สึกปวดเท้ามากครับ” ดช.มูฮัมมัดอาดัม แดเนียลกล่าว
นางสาวสากีนา มูเซะ อายุ 38 ปีชาวอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา อาศัยและทำงานในประเทศมาเลเซียกว่า 20 ปี และ17 ปีที่แล้วเธอได้แต่งงานกับนายโมฮัมมัดรอซี เบ็ญอับดุลเราะหมาน (Mohd Rosi Bin Ab Rahman) ชาวปาเซมัส รัฐกลันตัน มาเลเซีย ได้ลูกชายสามคนด้วยกันคือ ดช.มูฮัมหมัดอาดัม แดเนียล 12 ปี ดช.มูฮัมหมัดอารัช รอยฮาน 7 ปี ซึ่งกำลังศึกษาที่โรงเรียน Sekolah Taman Bukit Segor Cheras และดช.มูฮัมหมัดมูไฮมิง ปุตรา 4 ปี และเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านสามีเธอได้เสียชีวิตด้วยโรคเนื้องอกในสมองโดยทิ้งลูกชายสามคนในการดูแลของเธอ ดังนั้นภาระทุกอย่างตกบนบ่าของเธอในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีฐานะยากจน จากทีลูกชายทั้งสามคนเป็นกำพร้าและยากจนทางกองทุนซากาตรัฐสลางอได้ช่วยเหลือเงินประจำเดือนแก่เด็กกำพร้าทั้งสามคนเดือนละๆ 760 บาท (100 ริงกิต) ต่อคน และยังช่วยค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟและถุงยังชีพภายใต้โครงการสวัสดิการรัฐสลางอตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 สองวันก่อนมาเลเซียประกาศล๊อคเดาว์เธอได้ได้ตัดสินใจเดินทางกลับไทยเพื่อจ็อบหนังสือเดินทางที่วีซ่าใกล้หมดอายุและเยี่ยมญาติโดยมีลูกชายทั้งสามคนขอตามมาด้วย เพราะไม่มีคนดูแลลูกๆหากทิ้งไวที่มาเลเซีย และไม่เคยคิดว่าการประกาศปิดประเทศเนื่องจากการแพร่บาดของโควิค 19 ในครั้งนี้จะยาวนานจนทำให้เธอและลูกต้องติดค้างในจังหวัดยะลานานกว่าเก้าเดือนแล้ว
เมื่อวันที่ 19 พ.ย 2563 สากีนาได้ตัดสินใจเดินทางไปยังสถานกงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลาเพื่อขอความช่วยเหลือจากกงสุลมาเลเซียช่วยอำนวยความสะดวกให้เธอและลูกๆได้กลับมาเลเซียและได้ดำเนินการลงทะเบียนเพื่อกลับมาเลเซียพร้อมทั้งขอความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายเนื่องจากเธอไม่มีเงินในการชำระค่ากักตัวที่ต้องใช้เงินมากกว่า 50,000 บาทเธอจึงกลับมาบ้านเช่าที่เทศบาลโกตารู รามัน
วันที่ 21 พ.ย 63 นางสาวคอลีเยาะ หะหลี คณะกรรมการคุมครองสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านเช่าของสากีนาหลังจากที่ได้การประสานจากเจ้าหน้าที่กงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลาว่ามีเคสเด็กกำพร้าสัญชาติมาเลเซียสามคนอายุระหว่าง 4-12 ปีและแม่คนไทยเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือในเรื่องการเงินและอำนวยความสะดวกจากทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซียในการเดินทางกลับไปยังมาเลเซีย
วันที่ 22 พ.ย ลงไปเยี่ยมพร้อมไลฟสดเพื่อขอบริจาค ช่อง IKAFF MEDIA หลังจากข่าวของสากีนาถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆทั้งสื่อไทยและมาเลย์มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากได้โอนเงินจนครบจำนวนที่ต้องใช้ในการกักตัวและมีเจ้าหน้าทีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคประสังคมในพื้นทีเช่น กอ.รมน.ส่วนกลาง ทหารในพื้นทีและหมอจากค่ายสิรินธรได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจสร้างความตื่นตันใจให้ครอบครัว
และวันที่ 6 ธ.ค คอลีเยาะและทีมงานลงพื้นที่ติดตามเรื่องการเจ็บป่วยของอาดัม และพาน้องอาดัมไปหาหมอที่ คลิกหมอกอเด และวันที่ 7 ธ.ค.ประสานกับ กอ.รมน. ภาคที่ 4 เพื่อประสานให้พาน้องอาดัมไปหาหมอที่ รพ ศูนย์ยะลาเนื่องจาก ดช.มูฮัมหมัดอาดัม แดเนียล มีปัญหาเกี่ยวข้อเท้าปวดบวมซึ่งก่อนเดินทางมาไทยอาดัมต้องผ่าตัดเท้าที่โรงพยาบาลแต่เนื่องจากมาติดค้างในไทยเป็นเวลานานทำให้อาการกำเริบและปวด แม่จึงตัดสินใจประสานกับคอลีเยาะเพื่อพาไปตรวจที่โรงบาลศูนย์ยะลาเมือวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากค่าใช้ค่าจ่ายสูงและต้องรอคิวในการผ่าตัดแม่อาดัมจึงตัดสินใจรอก่อนและทำการผ่าตัดหลังจากกลับมาเลเซียแล้ว
วันที่ 15 ธ.ค.คอลีเยาะและทีมงาน ไปพบนายกฤษฏา จิตราช ผู้ว่าราชการนราธิวาส เพื่อติดตามหนังสือขออนุญาตกลับมาเลเซีย ของทั้งสี่คน และผู้ว่าฯได้ดำเนินสั่งการในวันนั้นทันที และได้ส่งหนังสือกลับไปยังกงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลาในวันเดียวกัน และหลังจากที่สถานกงสุลได้รับหนังสือจากผู้ว่าราชการนราธิวาสจึงได้กำหนดวันเดินทางกลับมาเลเซียคือวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค 63 นี้ผ่านด่านสุไหงโกลก –รันตูปัญยัง ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.

 875 total views,  2 views today

You may have missed