เมษายน 23, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

“แม่เลี้ยงเดี่ยว”เลี้ยงลูกกำพร้าสามคนด้วยเงินโครงการ เราไม่ทิ้งกัน หลังจากกลับจากมาเลเซีย วอนรัฐไทย-มาเลเซียช่วยค่าใช้จ่ายพาลูกๆ กลับไปมาเลเซีย

แชร์เลย

ตูแวดานียา มือรีงิง รายงาน..


การประกาศปิดประเทศของไทยและมาเลเซียหลังจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค 19 ในประเทศมาเลเซียและประเทศไทยตลอดแปดเดือนที่ผ่านมาเกิดผลกระทบมากมายไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การค้าชายแดนและ การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนทั้งทางอากาศ ทางน้ำและทางบกที่ผ็คนทั้งสองประเทศดินทางไปมาหาสู่กัน
เฉกเช่นเดียวกับนางสาวสากีนา มูเซะ อายุ 38 ปีชาวอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ซึ่งได้อาศัยแลทำงานในประเทศมาเลเซียกว่า 20 ปี และเมือง 17 ปีที่แล้วเธอได้แต่งงานกับนาย Mohd Rosi Bin Ab Rahman ชาวปาเซมัส กลันตัน มาเลเซีย เธอใช้ชีวิตกว่า 20 ปีในประเทศมาเลเซียในฐานะลูกจ้างร้านอาหารไทยในมาเลเซีย และเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านสามีเธอได้เสียชีวิตด้วยโรคเนื้องอกในสมองโดยมีลูกชายด้วยกันสามคนคือ ดช.มูฮัมหมัดอาดัม แดเนียล 12 ปี ดช.มูฮัมหมัดอาราช รอยฮาน 7 ปี ทั้งสองคนกำลังศึกษาที่โรงเรียน Sekolah Taman Bukit Segor Cheras และดช.มูฮัมหมัดมูไฮมิง ปุตรา 4 ปีการจากไปของสามีภาระทุกอย่างตกบนบ่าของเธอในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวและฐานะยากจนทางกองทุนซากาตรัฐสลางอได้ช่วยเหลือเงินประจำเดือนแก่เด็กกำพร้าทั้งสามคนละๆ 760 บาท (100 ริงกิต) ต่อคน ช่วยค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟและถุงยังชีพภายใต้โครงการสวัสดิการรัฐสลางอ ตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 สองวันก่อนมาเลเซียประกาศล๊อคเดาว์เธอได้ได้ตัดสินใจเดินทางกลับไทยเพื่อจ็อบหนังสือเดินทางและเยี่ยมญาติโดยมีลูกชายทั้งสามคนตามมาด้วย เพราะไม่มีคนดูแลลูกๆหากทิ้งไวที่มาเลเซีย


“ไม่รู้ว่าประเทศมาเลเซียจะล็อคเดาว์และปิดประเทศนานถึงขนาดนี้ จากการแพร่ระบาดโควิค 19 หากรู้กะไม่กลับแน่นอน กะกลับมามีเสื้อผ้าตัวเดียวไม่มีอะไรเลย” สากีนาเล่าด้วยน้ำตาคลอเบ้า
สองเดือนแรก (กลางเดือนมีนาคมถึงกลางพฤษภาคม) เธอได้อาศัยบ้านพี่สาวที่ตีบุ รามันเพราะไม่มีเงิน โชคดีรัฐบาลเปิดลงทะเบียนโครงการเราไม่ทิ้งกัน เธอก็ลงทะเบียนและได้รับการอนุมัติเดือนละ 5000 บาทเป็นเวลา 3 เดือนเธอตัดสินใจหาบ้านในเทศบาลโกตาบารู อ.รามันเนื่องจากบ้านพี่สาวไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อไป
“กะได้เงินโครงการรัฐบาลประยุทธ์ กะเลยออกมาหาบ้านในเทศบาโกตาบารูและได้เจอบ้านเช่าราคาเดือนละ 1200 บาทกะตัดสินใจเช่าและย้ายมาอยู่นี้หกเดือนที่ผ่านมา พยายามใช้จ่ายเงินที่ได้มาอย่างประหยัดให้มากที่สุด” เธอระบายความลำบากให้ผู้สื่อข่าวฟัง


การลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวพร้อมนางสาวคอลีเยาะ หะหลี คณะกรรมการปกป้องสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวแทนมูลนิธิเพื่อการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์และยามีละห์ การีดองผู้ดำเนินรายการ “กือดาโกปี” ช่อง 11 ยะลา เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยก่อนหน้านี้หนึ่งวันผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากคนรู้จักคนหนึ่งว่ามีเคสสาวไทยได้แต่งงานกับชาวมาเลเซียและสามีเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้วและได้พาลูกๆกำพร้าสามคนกลับมายังบ้านเกิดที่ยะลา โดยตกค้างไม่สามารถกลับไปยังมาเลเซียเป็นเวลา 8 เดือนแล้วลูกๆ ก็ไม่สามารถไปโรงเรียนและตอนนี้เงินก็ไม่มีใช้จ่ายจึงตัดสินใจไปร้องเรียนที่กงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลาเพื่อช่วยเหลือพาฌะอและลูกๆกลับไปยังมาเลเซียเนื่องจากว่าที่มาเลเซียเธอมีงานทำและมีบ้านเช่าที่รัฐสลางอช่วยและที่สำคัญคือลูกๆ จะเรียนหนังสือและมีอนาคตที่ดีกว่า


“เมื่อวันที่ 19 พ.ย ที่ผ่านมากะได้ไปพบเจ้าหน้าที่กงสุลมาเลเซียที่สงขลาโดยไปกับรถตู้โดยมีเงินในกระเป๋าเพียงพอกับค่าเดินทางเท่านั้น และวันนั้นไม่ได้ทานสักเม็ดเพราะเงินหมด กะไปกับลูกคนโตและลูกอีกสองคนกะล็อคกุญแจบ้านให้พวกเขอยู่ในบ้านตามลำพัง โชคดีก่อนกลับทางเจ้าหน้าหน้าทีกงสุลได้มอบเงินจำนวนหนึ่ง” เธอเล่าด้วยน้ำตา และเล่าว่า เธอได้ติดต่อเจ้าหน้าที่กงสุลแจ้งเรื่องที่เธอและลูกๆ ตกค้างเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมาแต่เนื่องจากว่ามีปัญหาด้านเอกสารการเดินทางเธอจึงไม่ได้การช่วยเหลือจากกงสุลมาเลเซียในการดำเนินการช่วยเหลือคนมาเลเซียที่ตกค้างในไทย
“กะไปที่กงสุลเพราะต้องการให้เขาช่วยเหลือหาเงินในการพาลูกๆกลับมาเลเซียเพราะกะไม่ได้ทำงานและไม่มีเงินจำนวนมากในการกักตัว 14 วันและต้องตรวจโควิค โดยต้องใช้เงินกว่า 50000 บาทต่อคน กะอยากขอความเมตตาจากรัฐบาลไทยและมาเลเซียช่วยเหลือในส่วนนี้” สากีนากล่าว
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 เวลา 11.00 น. นางสาวคอลีเยาะ หะลี พร้อมด้วยทีมงานอาสาคลายทุกข์ชายแดนใต้ และทีมงาน Ikaff Media ได้ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียน น.ส. สากีนา มูเซะ และลูกๆอีกครั้ง พร้อมได้พบกับโต๊ะอีหม่ามและฝากให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าและหางานให้นางสาวสากีนาได้ทำงานเพื่อหารายได้ก่อนเดินทางกลับมาเลเซีย


นางสาวสากีนะ ทิ้งท้ายด้วยคำพูดว่า “อนาคตกะจะเป็นยังไงชั่งเถอะ แต่เพื่ออนาคตลูกก็ยอมดิ้นรนทุกอย่าง แม้การกลับไปมาเลย์ครั้งนี่กะจะลำบากก็ตามแต่อย่างน้อยลูกๆได้เรียนและยังมีที่ซุกหัวนอน ดีกว่าอยู่ที่นี่เพราะกะไม่มีใครแล้ว มีพี่น้องต่างคนต่างมีคอบครัวทุกคนก็ต้องดิ้นรน กะลำบากตั้งแต่เล็กชีวิตกะตอนนี้มีแต่ลูกและจะสู้เพื่อลูก”
ทั้งนี้ทางทีมงานได้ประสานความช่วยเหลือเบื้องต้นโดยประสานผ่านทาง บ้านอุ่นไอรัก โกตาบารู รับเข้าเพื่ออุปการะดูแล และได้ประสานกับครูตาดีกานะห์ฎอตุบอัฏฟาลเพื่อรับเด็กให้อยู่ในระบบการศึกษาเพื่อน้องๆจะได้มีเพื่อนเล่นและไม่กดดัน ทั้งนี้ทางทีมงานอาสาคลายทุกข์ได้มอบเงินช่วยเหลือค่าไฟและค่าน้ำที่ค้างจ่ายมาประมาณ 2 เดือน สื่อมาเลเซียทุกสำนักได้นำเสนอข่าวเด็กกำพร้าสามพี่น้องสัญชาติมาเลเซียตกค้างในยะลาเพราะการแพร่ระบาดของโควิค 19 ตั้งแต่แปดเดือนที่ผ่านมา  หากผู้มีจิตเมตตาท่านใดต้องการช่วยเหลือขนมเล็กๆน้อยๆเพื่อลูกยาตีม

สามารถมาช่วยน้องได้และร่วมสบทบเงินช่วยเหลือ โดยสามารถโอนเข้าบัญชีโดยตรงของเธอ
ชื่อธนาคารกรุงไทย สาขารามัน
ชื่อบัญชี น.ส.สากีนา มูเซะ
เลขที่บัญชี 920-0-69183-8

 

 1,735 total views,  2 views today

You may have missed