พฤศจิกายน 26, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

โดนแล้ว !ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษา จำคุก อดีตปลัด อบต.ยะรม พร้อมพวก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนเอกชนโดนรายละ 1 ปี 8 เดือน

แชร์เลย

ทีมข่าวBETONG รายงาน. (รพี มามะ บรรณาธิการข่าว) 


(1ต.ค.63 ) บรรยากาศที่ อบต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา นายวิโรจน์ จงอุรุดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ปฏิบัติหน้าที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม พร้อมเจ้าหน้าที่ และพนักงานส่วนตำบล ยังคงทำงานตามปกติ และมีประชาชนมาติดต่อราชการอย่างต่อเนื่อง หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษา จำคุก อดีตปลัด อบต.ยะรม พร้อมพวก ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน ฐานร่วมกันทุจริตเบิกงบศึกษาดูงาน พบหลักฐานทำสัญญาเช่ารถ เปิดห้องพัก พร้อมเปิดบิลค่าอาหารและเครื่องดื่มเกินจำนวนวันที่ทำกิจกรรมจริง ทำราชการเสียหายหลายแสน พิพากษาจำคุกกลุ่มที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐคนละ 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนเอกชนโดนรายละ 1 ปี 8 เดือน


ดยเมื่อเร็วๆ นี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้มีคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางปัทมา อิสเฮาะ อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา กับพวกรวม 7 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน คดีนี้มีจำเลย 7 คน จำเลยที่ 1 คือ นางปัทมา อิสเฮาะ ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งปลัด อบต.ยะรม และปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.ยะรม แทนนายก อบต.คนเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง, จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าสำนักปลัด อบต.ยะรม, จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานโรงแรมพินาเคิล วังใหม่ จ.สตูล, จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านนูรฟาร์ติน แทรเวล ประกอบธุรกิจจัดบริการเหมารถปรับอากาศ, จำเลยที่ 5 เป็นพนักงานส่วนตำบล ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน อบต.ยะรม, จำเลยที่ 6 เป็นพนักงานส่วนตำบล ตำแหน่งนักพัฒนาชุมชน อบต.ยะรม และจำเลยที่ 7 เป็นพนักงานส่วนตำบล ตำแหน่งเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ยะรม


คำฟ้องของอัยการระบุพฤติการณ์ความผิดของจำเลย 2 ประการ คือ
1. จ้างเหมารถปรับอากาศ 2 ชั้นในระยะเวลาเกินกว่าที่ใช้จริง คือใข้จริง 3 วัน แต่ทำสัญญาจ้างเหมา 5 วัน อัตราค่าจ้างวันละ 17,000 บาท รวมเป็นเงิน 85,000 บาท ทำให้ อบต.ได้รับความเสียหาย 34,000 บาท เหตุเกิดช่วงปลายเดือน ส.ค. ต่อเนื่องต้นเดือน ก.ย.2557
2. จัดโครงการฝึกอบรม สัมมนา และศึกษาดูงานเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร ผู้นำชุมชนและสตรี ต.ยะรม จำนวน 50 คน โดยพาผู้เข้าอบรมไปเข้าพักที่โรงแรมใน จ.สตูล เป็นเวลา 1 คืน จำนวน 25 ห้อง ค่าเช่าห้องละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 25,000 บาท แต่กลับนำบิลค่าที่พักและค่าอาหารการกินอีกหลายรายการไปตั้งเบิกกับทางราชการเป็นเงินถึง 159,000 บาท ทั้งๆ ที่ไม่มีการเข้าพักที่โรงแรมและไม่มีการรับประทานอาหารในวันอื่นๆ จริง แต่กลับมีการจัดทำเอกสารปลอมขึ้นมา มีการลงนามรับรองเอกสารปลอม ทั้งการตั้งเรื่องและการตั้งเบิกอย่างเป็นขบวนการในลักษณะสมคบคิดวางแผนกัน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ และยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ อบต.ยะรม แต่ก็ต้องถือว่าจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คือจำเลยที่ 1, 2 และจำเลยที่ 5-7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ให้จำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือ คือ จำเลยที่ 3 และ 4 เป็นเอกชน ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 12,000 บาท
อย่างไรก็ดี จำเลยทั้ง 7 ให้การรับสารภาพ ถือว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้บรรเทาผลร้ายด้วยการชดใช้ค่าเสียหายให้ อบต.ยะรม แล้ว มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก จำเลยที่ 1, 2, 5-7 คนละ 2 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 3 กับ 4 จำคุกคนละ 1 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 6,000 บาท แต่การกระทำของจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยรับรองเอกสารเท็จเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบิกงบประมาณแผ่นดินไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ พฤติการณ์นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง จึงเห็นควรไม่รอการลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 3 และ 4 ไม่ได้เป็นผู้ร่วมวางแผนงานมาตั้งแต่ต้นและเป็นผู้รับจ้างงานบริการ จึงเห็นควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี และให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ระยะเวลา 1 ปี

สำหรับคดีของปลัด อบต.ยะรม กับพวกนี้ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงตั้งแต่เดือน ส.ค.2561 ฐานทุจริตเบิกจ่ายงบโครงการสัมนาและดูงานของผู้นำชุมชนและกลุ่มสตรีในพื้นที่ที่ จ.สตูล แต่แท้ที่จริงกลับนำผู้เข้าร่วมโครงการไปท่องเที่ยวที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเชีย เป็นเวลา 3 วัน แล้วจัดทำเอกสารเท็จเบิกจ่ายเงินงบประมาณ มีโทษถึงไล่ออก (อ่านประกอบ : อบต.ยะรม ส่อร้าง หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลไล่ออกแทบยกสำนักงาน) หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปจนคนนึกว่าปลัด อบต.คนดังปิดฉากชีวิตราชการไปแล้ว แต่เรื่องมาแดงเมื่อไปมีชื่อได้รับพิจารณา “โบนัส 2 ขั้นกรณีพิเศษ” ซึ่งเป็นโครงการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้มีการตื่นตัวตรวจสอบกันว่า ปลัด อบต.คนนี้มีชื่อได้ 2 ขั้นกรณีพิเศษได้อย่างไร เพราะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตแล้ว หนำซ้ำยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ อบต.ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยในพื้นที่เป็นที่ทราบกันดีว่าปลัด อบต.รายนี้มีความใกล้ชิดกับนักการเมือง “บ้านใหญ่” ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อมาข้อเท็จจริงปรากฏว่า ปลัด อบต.รายนี้ได้ทำเรื่องอุทธรณ์ไปยัง ป.ป.ช. โดยใช้ช่องทางตามกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่ (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561) มาตรา 99 ที่เปิดให้ผู้บังคับบัญชาอุทธรณ์ได้ หากมีหลักฐานใหม่ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ ปลัด อบต.คนนี้ ควบ 3 ตำแหน่ง คือ ปลัด อบต.ที่เป็นอยู่แล้ว ควบรักษาการนายก อบต. เพราะนายก อบต.ถูกชี้มูลทุจริต หลุดเก้าอี้ไปก่อนหน้า และยังควบเก้าอี้เลขานุการสภา อบต.ด้วย เจ้าตัวจึงใช้ช่องทางนี้เซ็นอุทธรณ์ให้ตัวเองในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. พร้อมทำหนังสือถึง ก.อบต.ให้ระงับการพิจารณาโทษตัวเองไว้ก่อน เพราะอยู่ระหว่างอุทธรณ์

เมื่อ ป.ป.ช.รับเรื่อง ก็ชะงักไปพักหนึ่ง เพราะไม่เคยมีกรณีแบบนี้มาก่อน กฎหมายที่เปิดช่องให้อุทธรณ์ก็เป็นกฎหมายใหม่ สุดท้ายเมื่อตั้งหลักได้ จึงพิจารณาและลงมติยกอุทธรณ์เมื่อราวๆ ต้นเดือน ก.พ.2562 แต่กว่าเอกสารที่เป็นมติอย่างเป็นทางการจะมาถึงทางจังหวัด ก็ล่วงมาถึงเดือน เม.ย.ก่อนสงกรานต์ ติดหยุดยาวอีกหลายวัน จนมาได้ฤกษ์ประชุมเมื่อ 24 เม.ย. และมีมติตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล จากนั้น ก.อบต.ส่งเรื่องไปให้ปลัด อบต.และพวกเซ็นรับทราบ และส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาลงนาม (อ่านประกอบ : ลงดาบแล้ว! ปลัด อบต.พร้อมพวก 5 คนโกงงบดูงานเที่ยวลังกาวี) ขณะเดียวกัน การดำเนินการในส่วนของคดีอาญา ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 กระทั่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหมดทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน แต่อย่างไรก็ตาม คำพิพากษานี้ยังเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยจึงมีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลสูงต่อไป

ด้านนายวิโรจน์ จงอุรุดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ปฏิบัติหน้าที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม เปิดเผยว่า จากการปฏิบัตหน้าที่ที่ผิดพลาดของผู้บริหารชุดก่อน ถือเป็นประสบการณ์ที่จะต้องมาเรียนรู้ ปรับปรุงแก้ไขต่อไป พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ และบุคลากรของ อบต.ยะรม ต้องมีมีจิตสำนึก ตระหนักในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ปราศจากการก่อให้เกิดข้อสงสัยในการประพฤติปฏิบัติตามมาตรการจริยธรรม การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตคอรับชั่น ก็จะมีการลงโทษทางวินัย และพิจารณาให้ออกตามระเบียนของทางราชการ

 3,092 total views,  2 views today

You may have missed