ตุลาคม 1, 2023

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ดร.มังโสด ประชาชาติเปิดใจ หลังกกต.สงขลา ตัดสิทธิ์เลือก วิกฤตหรือโอกาส?

แชร์เลย

รายงานจากพื้นที่เขต 8 (จะนะ สงขลา):อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัดและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ตามที่เป็นข่าวดังระดับประเทศว่า ผู้สมัครส.ส. พรรคประชาชาติ 4 เขตเลือกตั้ง สองจังหวัดคือสงขลาและสตูล ถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ดร.มังโสด หมะเต๊ะ

ผู้สมัครส.ส. เขต 8 สงขลา พรรคประชาชาติ หนึ่งในสี่ ถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ครั้งนี้เพื่อสามารถวิเคราะห์ว่ามันจะเป็นวิกฤตหรือโอกาส?

-ทำไมยืนยันว่ากกต.สงขลาวินิจฉัยผิด

สำหรับดร.มังโสด หมะเต๊ะ อดีตนายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลาและผู้ร่วมต่อสู้คนสำคัญกับชาวบ้านคัดค้านนายทุนและรัฐเพื่อผลักดันจะนะเมืองอุตสาหกรรมที่ผันตัวเองลงเล่นการเมืองเป็นผู้สมัครส.ส. เขต 8

สงขลา พรรคประชาชาติ ได้ตอบคำถามว่า ทำไมยืนยันว่ากกต.สงขลาวินิจฉัยผิด” กล่าวคือเราประชาชาติยืนยันว่ากกต.สงขลาวินิจฉัยผิดดังนั้นจึงได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกการเลือกตั้ง เพื่อยืนยันว่า ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายครบถ้วน ไม่ได้เป็นอย่างที่กกต.แจ้งมา คือ ไม่มีสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือสาขาพรรคการเมืองไม่มีคณะกรรมการสาขาเหลืออยู่ หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดครบวาระ และข้อบังคับพรรคมิได้ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ตามข้อบังคับพรรคประชาชาติ พ.ศ.2561 ข้อ 14 กำหนดว่า “คณะกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(10) เลิกพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

(12) แต่งตั้งและถอดถอนผู้ปฏิบัติงานของพรรคในกิจการต่างๆของพรรคและคณะทำงานเฉพาะกิจทั้งในส่วนกลางและส่วนสาขาพรรค

ประกอบข้อบังคับฯ ข้อ 30 (4) ความเป็นตัวแทนพรรคประจำจังหวัดสิ้นสุดเมื่อ (4) หัวหน้าพรรคโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคสั่งให้ออกจากการเป็นตัวแทนพรรคประจำจังหวัด

ซึ่งก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมการบริหารเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้มีหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 ตามหนังสือที่ ปช.2566/004 ถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง แจ้งครบวาระตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จำนวน 16 แห่ง ซึ่งมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดสตูล เขตเลือกตั้งที่ 1 และที่ 2 กับตัวแทนพรรคประจำจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ ที่ 7 และเขตที่ 8 รวมอยู่ด้วย ท้ายหนังสือดังกล่าว ดังกล่าวได้ระบุข้อความ

“อนึ่ง ตามข้อบังคับพรรคให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดและหัวหน้าสาขาพรรค ที่ครบวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่” และนายแสวงฯ เลขา กกต. ได้ตอบหนังสือในนามนายทะเบียนพรรคการเมืองตามหนังสือที่ ลต (ทบพง)0015/2887 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เรื่อง รับทราบการเปลี่ยนแปลงตัวแทนพรรคประชาชาติประจำจังหวัดและรับทราบการตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 8 โดยหนังสือของนายทะเบียนพรรคการเมืองดังกล่าวมิได้มีการโต้แย้งและทักท้วง การรักษาการไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่

ดังนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติให้ตัวแทนประจำจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 8 รักษาการไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ตามอำนาจคณะกรรมการบริหารพรรค ข้อ 14(12) ที่กระทำโดยชอบ ซึ่งตัวแทนประจำจังหวัดยังไม่สิ้นสุดสถานภาพการดำรงตำแหน่งตามข้อบังคับพรรคประชาชาติ ข้อ 14 (10) (12)และข้อ 30(4) แต่อย่างใด

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 56 กำหนดว่า “ให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา ตามมาตรา 50 หรือส่งบัญชื่อรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 51

เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งหรือส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชื่อรายชื่อแล้ว แม้ภายหลังจะปรากฏว่ามิได้มีการดำเนินการตามมาตรา 50” จากข้อกฎหมายดังกล่าวพรรคประชาชาติได้ดำเนินการตามกระบวนการสรรหาผู้สมัครจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 7 และที่ 8 ผู้สมัครจังหวัดสตูล เขตเลือกตั้งที่ 1 และที่ 2 เป็นไปตามมาตรา 50 และมาตรา 51 ถูกต้องครบถ้วนแล้ว และหัวหน้าพรรคประชาชาติได้ออกหนังสือรับรองการสมัครตาม พรป พรรคการเมืองฯมาตรา 56 ให้การคุ้มครองผู้สมัครว่าแม้ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เห็นว่าเป็นการดำเนินการไม่ครบถ้วนก็ไม่อาจทำให้การสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครเสียไป ทั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายมาตราดังกล่าว
ดังนั้น จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตามขั้นตอน เพื่อ มีคำสั่งให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลา ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามกฏหมายต้องให้ยื่นคำร้องภายใน 7 วัน

-วิกฤตหรือโอกาส
หลังจากข่าวดังถูกเผยแผ่ว่าท่านถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งทำให้เสียงท่านที่ผลโพลว่ามีคะแนนเป็นหมื่นจี้ตาม เจ้าของพื้นที่เดิม ส.ส.สุรินทร์ ปาล่าเร่ ตัวเต็งอันดับหนึ่ง กำลังจะถูกเจาะ กลับไปหา ส.ส.สุรินทร์ ที่มีฐานเสียงเดียวกันคือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และผู้นำศาสนา ในขณะที่คะแนน ประชาชนที่หนุนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะเทไปให้ทนายฮานาฟี หมีนเส็น จากพรรคเพื่อไทย ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ต่อเรื่องนี้ มันจะเป็นวิกฤตหรือโอกาส?

ท่านได้เปิดใจว่า
“วิกฤตินี้มันก็เป็นโอกาสนะทำให้คนทั้งประเทศรู้จักผมชั่วข้ามคืน เพราะสื่อต่างๆต่างลงข่าวและสัมภาษณ์ เรียกว่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ผมไปในตัว ที่สำคัญมันยังทำให้ผมรู้ว่าเรามีคนที่รักและให้กำลังใจเยอะมากบางคนโทรมาร้องให้ และให้กำลังใจ ตลอดเวลา ทุกคนเอาใจช่วยเพราะเขาเหล่านั้นต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในเขต8 สงขลาจริงๆ เมื่อทราบข่าวว่า กกต ไม่ประกาศรายชื่อจึงรู้สึกผิดหวังและเสียใจเพราะประชาชนตั้งความหวังไว้มากว่าอยากให้เข้าไปผลักดันนโยบายของพรรคให้สำเร็จเพราะทุกนโยบายของพรรคประชาชาติเป็นดีต่อประเทศชาติและคนยากจน และผมเองมีความเชื่อว่าหากเป็นความประสงค์ของอัลเลาะห์แล้วอุปสรรคใดๆก็ไม่สามารถมาขวางกั้นได้ ตัวผมเองมีความตั้งใจแล้วสู้ให้สมกับที่พี่น้องสนับสนุนผมและเชื่อมั่นว่าวันที่18นี้ศาลจะกรุณาคืนสิทธ์ให้ผมอีกครั้งเพราะดูจากข้อกฏหมายแล้วเชื่อว่าน่าจะผ่านไปด้วยดี อยากให้ทุกท่านได้ช่วยกันขอพรและเป็นกำลังใจให้กับผมและสนับสนุนผมและพรรคประชาชาติ” (รายงานนี้เขียนเมื่อ 17 เมษายน ก่อนศาลฎีกาจะวินิจฉัย )
อย่างไรก็แล้วแต่วิกฤตครั้งนี้อาจทำให้พรรคประชาชาติหมดลุ้นเจาะไข่แดงสงขลา แต่ผลโพลชาวบ้านใบที่สองก็ยังเทให้พรรคประชาชาติที่ชูวันนอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะจากพี่น้องมุสลิมที่หลายแสนคนที่สงขลาเพราะใบเเรกเขาจะเลือกคนที่ชอบ ใบที่สองพรรคที่ใช้ ซึ่งเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสคนละใบสูง

 8,417 total views,  2 views today

You may have missed